
Review : แกะกล่อง Zeason S-ONE "เอสวัน" (ข้อมูลทั่วไป
คลิกที่นี่)
จากคราวที่แล้วเราได้ทำความรู้จักกับ Zeason รุ่น F1 กันแล้ว มาคราวนี้ผมเองก็ได้มีโอกาสได้ทดสอบใช้งานกับรุ่น
S1 ซึ่งดีไซน์เมื่อแรกเห็นนั้นดูน่าสนใจมากทีเดียว เนื่องจากรูปทรงที่ดีไซน์ได้อย่างลงตัวไม่แพ้ตัวก่อนหน้านี้
นั่นก็เพราะฟังก์ชั่นการใช้งานที่มีมาให้อย่างแน่นเครื่อง แต่มาคราวนี้ผมจะขอเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของแต่ละฟังก์ชั่น
ซึ่งในครั้งที่แล้วผมได้อธิบายรายการต่าง ๆ ไว้โดยรวม เมื่อพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลยครับ
ก่อนอื่นที่จะมาเจาะเข้าสู่รายละเอียดในส่วนของเมนูการใช้งานแต่ละฟังก์ชั่น
เราจะมาดูในเรื่องของดีไซน์การออกแบบภายนอกซักเล็กน้อยก่อน
ด้านหน้า :

|
ขอเริ่มจากแผงปุ่มกดตัวเลขที่เชื่อว่าหลายคนเห็นแล้วคงจะสะดุดตาไม่น้อย
นั่นก็เพราะมีความลงตัวกันอย่างพอดีกับสีของตัวเครื่องที่เป็นสีน้ำเงิน
ถึงแม้ว่าปุ่มกดจะเรียงชิดติดกัน แต่ก็มีการเล่นระดับเพื่อลดจุดบกพร่องในส่วนนี้
และเท่าที่ได้ใช้งาน จึงไม่พบว่าจะมีปัญหาในการกดพลาดเลยแม้แต่น้อยครับ
ในส่วนของปุ่มควบคุมการใช้งาน จะเป็นแบบ 4 ทิศทาง ติดกันทั้งสองฝั่งจะเป็นปุ่ม
Softkey ใช้เลือกเข้าเมนูฟังค์ชั่นต่างๆ ซึ่งมีการตอบสนองไว
และใช้งานได้เป็นอย่างดี สำหรับปุ่มเลือก silent และการล๊อคปุ่มกดยังคงใช้ปุ่ม
# และปุ่ม * เช่นเดิม
 
|
ด้านข้าง :

 |
ด้านบนซ้ายจะมีปุ่มเลื่อนสำหรับปรับความดังของเสียงเรียกเข้า
และขณะใช้สายสนทนาก็ยังสามารถที่จะปรับความดังของเสียงสนทนาได้
และยามที่เรากดเข้าสูเมนูนั้นก็ยังเลื่อนเพื่อดูแต่ละเมนูได้อีกด้วย
สำหรับความหนาของตัวเครื่อง จะอยู่ที่ 17.5 มิลลิเมตร ซึ่งไม่ถือว่าหนามากเกินไป
ใส่กระเป๋าพกไปได้สบายครับ
ตัวเครื่อง (กว้าง x ยาว x หนา) :
ขนาด 105 x 44 x 17.5 มิลลิเมตร |
ด้านหลัง :

|
ด้านบนจะแสดงเป็นรูปขีดวงรียาว
ๆ 3 ขีดเหมือนกับลำโพงสนทนาด้านหน้า ซึ่งเจ้าช่องนี้ใช้เป็นช่องสำหรับเสียงเรียกเข้าแบบ
polyphonic ถัดมาอีกนิด จะเป็นส่วนของฝาครอบแบตเตอรี่ที่พิมพ์ไว้อย่างชัดเจนเป็นภาษาอังกฤษว่า
Tai-Lung (ไท-รุ่ง)

ด้านข้างโดยรอบ :
สังเกตทางด้านขวามือจะมีสายสำหรับร้อยสายคล้องมือหรือสายคล้องคอเหมือนอย่างในรุ่น
F1 เพื่อเพิ่มความสะดวกต่อการพกพา และ ปุ่มเลื่อนสำหรับใช้งานด้านต่างๆ
ส่วนด้านท้ายสุด จะเป็นช่องเสียบชุดหูฟัง และ สายชาร์จ
  |
ก่อนการใช้งาน
ให้ใช้นิ้วโป้งกดลงไปยังปุ่มนูนสีน้ำเงินเข้มด้านหลังตัวเครื่อง
และใช้นิ้วโป้งอีกข้างดันฝาครอบแบตเตอร์รี่ลงด้านล่าง เมื่อสลักถูกปลดล๊อคแล้วให้ดึงฝาครอบขึ้นก็จะพบกับแบตเตอรี่สีขาว
รวมถึงถาดใส่ sim ก็มีลักษณะการใส่แบบเดียวกัน
 
เริ่มต้นการใช้งาน และ เข้าใช้งานตัวเครื่อง
เริ่มจากกดปุ่มวางสายสีแดงประมาณ 2 วินาที ก็จะปรากฏภาพ animation
พร้อมเสียง polyphonic จากนั้นจึงเข้าสู่หน้าจอ stand by พร้อมใช้งานต่อไป
เมื่อเปิดเครื่องเรียบร้อยแล้ว หากต้องการโทรออก
เมื่อกดหมายเลข ที่หน้าจอจะแสดงผลตัวเลขขนาดใหญ่มองเห็นง่าย แต่หากจะใช้งานเมนูให้กดปุ่ม
Softkey ด้านซ้ายมือ เพื่อเรียกใช้งานเมนูต่างๆ ทั้ง 9 เมนู ซึ่งเมื่อเข้ามาสู่โหมดเมนูแล้ว
เราสามารถใช้ปุ่มตัวเลขบริเวณแผงปุ่มกดสำหรับการเข้าสู่เมนูได้อย่างรวดเร็ว
(Shortcut) อีกด้วย
 
Note : เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการใช้ปุ่มควบคุม 4 ทิศทาง
- กดปุ่มขึ้นด้านบน = เรียกใช้งาน wap
- กดปุ่มลงด้านล่าง = เรียกใช้งาน phonebook
- กดปุ่มไปทางขวา = เรียกใช้งาน profile
- กดปุ่มไปทางซ้าย = เรียกใช้งาน message
รายละเอียดเมนูฟังค์ชั่น :
1. Message :
- สร้าง เป็นการเรียกเพื่อสร้างข้อความ SMS และ EMS โดยการพิมพ์ข้อความภาษาไทยสามารถพิมพ์ได้
70 ตัวอักษร และภาษาอังกฤษสามารถพิมพ์ได้ 160 ตัวอักษร ส่วนการเปลี่ยนภาษาขณะพิมพ์ให้กดที่ปุ่ม
* ค้างไว้หรือการเพิ่มสัญลักษณ์ต่าง ๆ ให้กด # ค้างไว้
- เทมเพลต จะมีที่ว่างอยู่ทั้งหมด 20 ที่ เพื่อใช้สำหรับเก็บข้อความที่มักจะถูกส่งออกไปบ่อยโดยไม่ต้องพิมพ์ซ้ำ
ซึ่งผู้ใช้งานสามารถพิมพ์เพิ่มได้เองทั้ง 20 ตำแหน่งและยังสามารถแก้ไขหรือลบได้ในภายหลัง
  
2. Phonebook :
- ค้นหา เราสามารถเลือกพิมพ์ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษด้วยวิธีการพิมพ์เช่นเดียวกับการพิมพ์ข้อความ
- เพิ่ม เป็นการเพิ่ม contact list ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะบันทึกเบอร์โทรศัพท์ลงที่
sim card หรือจะบันทึกเบอร์ลงในเครื่องโดยตรง โดยเราจะบันทึกรายชื่อลงสู่เครื่องได้ถึง
300 รายชื่อ
- CLI จะมีที่ว่างให้ผู้ใช้สามารถกำหนดได้ 20 ที่ สำหรับใส่ภาพการ์ตูนให้กับแต่ละรายชื่อ
และจะแสดงเป็นภาพโทรเข้า นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการจัดกลุ่มต่าง
ๆ ได้ถึง 5 กลุ่มด้วยกัน
- โทรออกด้วยเสียง เท่าที่ได้ทอสอบ เข้าใจว่าคงจะมีการใช้คำผิดความหมาย
เพราะถ้าจะให้ถูกต้องจริง ๆ ควรจะต้องเป็นปุ่มโทรด่วน ซึ่งสามารถเพิ่มเบอร์โทรที่สำคัญสำหรับโทรออกได้ตั้งแต่เลข
2 9
   
3. Call record : จะแสดงรายการเบอร์ที่ไม่ได้รับสาย,
รับสาย, และสายที่โทรออก รวมถึงยังสามารถลบรายการโทรแต่ละรายการ
หรือ ทั้งหมดได้ นอกจากนี้ ยังสามารถดูเวลาใช้สายทั้งหมดหรือแต่ละรายการได้อีกเช่นเดียวกัน
4. Setting :
- ตั้งปลุก สามารถทำงานได้แม้ว่าจะอยู่ในสถานะปิดเครื่องอยู่ก็ตาม
- เวลาและวันที่ แสดงนาฬิกา : สามารถตั้งรูปแบบของวันที่ให้แสดงตามความต้องการของผู้ใช้งาน
โดยเลือกที่จะไม่แสดงเวลาและวันที่ หรือ จะเลือกแสดงเพียงแค่เวลาก็ได้
รวมทั้งยังตั้งให้แสดงเวลาแบบ 12 ชม. หรือ 24 ชม.
- ทำนอง สามารถเลือกตั้งค่าเสียงได้ทั้งเสียงเรียกเข้า , ข้อความ
, ตั้งปลุก และปฏิทิน นอกจากนี้ความสามารถในการแต่งเสียง (เนื่องจากจะมีที่ว่างถึง
5 ตำแหน่งโดยให้ความใสและกังวาน) สำหรับเสียงเรียกเข้าในรุ่น F1
และ S1 จะแตกต่างกัน มีเพียงแค่บางเสียงเท่านั้นที่จะเหมือนกัน สำหรับเสียงเรียกเข้าเรายังดาวโหลดเพิ่มเติมได้ผ่านทาง
CSD ได้อีก 5 ตำแหน่งเช่นกัน
- จอแสดงผล ใช้สำหรับตั้งความสว่างของหน้าจอ พื้นหลัง ข้อความต้อนรับตอนเปิดเครื่อง
รวมทั้งเมนูสีก็เลือกได้จากฟังก์ชั่นนี้ อีกทั้งยังมีการสำรองพื้นที่ไว้สำหรับดาวโหลดภาพพื้นหลังได้อีก
5 ตำแหน่ง และผู้ใช้แต่งเองด้วยโปรแกรมแต่งภาพที่อยู่ในเครื่องอีก
5 ตำแหน่ง ข้อที่สำคัญก็คือสามารถนำภาพเคลื่อนไหวมาเป็นภาพพื้นหลังได้ครับ
   
  
5. Profile : มีโพรไฟล์มาให้กับผู้ใช้งานถึง 3
โพรไฟล์ และยังสามารถที่จะตั้งได้เองตามใจผู้ใช้งานอีก 1 ตำแหน่ง
สำหรับการปรับตั้งค่าการใช้งานในแต่ละโพรไฟล์นั้นละเอียดมากคับ คือ
ตั้งค่าได้ตั้งแต่สายเรียกเข้า , ข้อความ , ตั้งปลุก และปฏิทิน รวมถึงความดังของระดับเสียงแม้กระทั้งเสียงของปุ่มกดสามารถตั้งค่าได้จากเมนูนี้ด้วย
 
6. Extra : เมนูที่เอาความสามารถเพิ่มเติมต่างๆ
มารวมไว้ด้วยกัน
- ปฏิทินแบบรายเดือนที่ผู้ใช้งานสามารถเพิ่ม note เพื่อเตือนความจำ
อีกทั้งยังตั้งเวลาให้เตือนเมื่อถึงเวลาที่ได้กำหนดไว้
- เครื่องคิดเลขมีรูปแบบการใช้งานที่ง่ายต่อผู้ใช้
- นาฬิกาจับเวลา มีความสามารถในการจับบันทึกเวลาได้ติดต่อกันถึง
9 ครั้ง
- แก้ไขภาพ ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการสร้างภาพด้วยการใช้ตัวเลขที่แผงปุ่มกดแต่ละตัวในการใช้งาน
   
 
7. Games : Zeason S1 มีเกมเพื่อเพิ่มความเพลิดเพลินให้แก่ผู้ใช้งานทั้งหมด
3 เกม ทั้ง Star War, Frozen Bubble, และ HaHaCat
   
8. WAP : ถึงแม้จะยังไม่รองรับการเชื่อมต่อ GPRS
เหมือนกับในรุ่น F1 แต่ผู้ใช้งานยังสามารถดาวโหลดเสียงเรียกเข้า
รวมถึงภาพพื้นหลังผ่านการเชื่อมต่อแบบ CSD ได้ แต่อาจจะต้องรอให้มีภาพออกมารองรับให้มากขึ้นก่อน
ซึ่งถ้ายังไม่ลืมทั้งรุ่น S1 และ F1 สามารถที่จะตั้งภาพเคลื่อนไหวให้เป็นภาพพื้นหลังได้ที่ขนาด
128x60 พิกเซล
   
สรุป : จากการใช้งานในแต่ละเมนู ทั้งรุ่น F1 และ S1
ไม่มีส่วนที่แตกต่างกันมากนัก ที่จะแตกต่างกันคงเป็นเรื่องของภาพพื้นหลังและเสียงเรียกเข้า
คงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณแล้วครับว่า ดีไซน์ของรุ่นไหนที่จะโดนใจคุณมากกว่ากัน
แต่เชื่อได้ว่าฟังก์ชั่นการใช้งานที่เพียบพร้อมขนาดนี้ ถึงจะเป็นแบรนด์ใหม่
ก็คงจะดึงดูดความสนใจของคุณได้ไม่น้อย...จริงไหมครับ?
Review & Test by :
Chatchai Bunrattanastiean
chatchai@siamphone.com
July 13, 2004e -->
ข้อมูลผู้ใช้ ร่วมแสดงความเห็นของคุณกับ Zeason S-ONE
|