แก็ดเจ็ต (Gadget) | วันที่ : 26 มกราคม 2556
ระบบไอทีภายในองค์กรพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในช่วงปี 2555 โดยแนวคิดต่างๆ เช่น สภาพแวดล้อมแบบไฮบริด และระบบปฏิบัติการคลาวด์ ไม่ได้เป็นเพียงประเด็นที่มีการพูดคุยหรือวางแผนอีกต่อไป แต่ในหลายๆ กรณี มีการปรับใช้เทคโนโลยีอย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกัน แนวโน้มอื่นๆ ก็เริ่มก่อรูปก่อร่างขึ้นเช่นกัน โดยเป็นแนวโน้มที่จะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาระบบไอทีภายในองค์กรในช่วงปีหน้าและปีต่อๆ ไป แนวโน้มเหล่านี้มีตั้งแต่เรื่องของการจัดการข้อมูลบิ๊กดาต้า ไปจนถึงความจำเป็นที่สูงมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับระบบประมวลผลที่รองรับการดำเนินงานสำคัญๆ กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ระบบไอทีจะมีบทบาทสำคัญเพิ่มมากภายในองค์กร และเราจะต้องตอบคำถามที่ว่า “แพลตฟอร์มองค์กรในอนาคตจะมีลักษณะเป็นอย่างไร?”
จิม ท็อตตัน รองประธานและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจแพลตฟอร์มของเร้ดแฮท เล็งเห็นว่าแนวโน้มเหล่านี้จะเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป ในบทสัมภาษณ์นี้ เขาจะบอกเล่าถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบของแนวโน้มเหล่านี้ที่มีต่อองค์กรต่างๆ รวมถึงทิศทางในช่วงปี 2556

คุณคิดว่าฝ่ายไอทีจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในช่วงปี 2556 จนส่งผลกระทบที่สำคัญต่อธุรกิจ?
ไอทีจะมีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้นในองค์กรอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ล่าสุดการ์ทเนอร์ (Gartner) และฟอร์บส์ (Forbes) ได้สำรวจความคิดเห็นของคณะกรรมการบริหาร และพบว่าเปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่า ระบบไอทีมีคุณค่าทางธุรกิจสูงหรือสูงมากเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วงระหว่างปี 2553 ถึง 2555 ขณะเดียวกัน ผู้บริหารก็มีความคาดหวังเพิ่มมากขึ้นที่จะให้ฝ่ายไอทีมีความคล่องตัวเพิ่มสูงขึ้นในการตอบสนองความต้องการของส่วนงานธุรกิจ
เราเล็งเห็นแนวโน้มที่นำไปสู่การผสานรวมของระบบประมวลผล สตอเรจ และเครือข่ายในรูปแบบของโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจรในช่วงสองสามปีข้างหน้า นอกจากนี้ ลูกค้าของเราหลายรายพยายามที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นไปตามมาตรฐานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ หลายๆ องค์กรที่ปรับใช้ Red Hat Enterprise Linux เป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานบนระบบเวอร์ช่วล ระบบฟิสิคอล และระบบคลาวด์ สามารถจัดการเซิร์ฟเวอร์และผู้ใช้ได้มากขึ้นต่อผู้ดูแลระบบหนึ่งคน และมีปัญหาระบบหยุดทำงานน้อยกว่ามาก ขณะที่เป้าหมายระยะยาวคือการลดความยุ่งยากซับซ้อนและการปรับเปลี่ยนระบบให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยนับว่าเป็นพัฒนาการก้าวสำคัญของระบบไอที ทั้งนี้ กรอบเวลาและรูปแบบการพัฒนาระบบไอทีสำหรับแต่ละองค์กร ขึ้นอยู่กับการปรับใช้เทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่นและคลาวด์คอมพิวติ้งขององค์กรนั้นๆ

คุณคาดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในช่วงปี 2556 ซึ่งจะช่วยให้ปรับปรุงระบบงานภายในองค์กร?
ในส่วนที่เกี่ยวกับระบบงาน เราคาดว่าจะมีการผนวกรวมระหว่างทีมงานฝ่ายพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน และการปฏิบัติงานด้านไอที เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงของกลุ่มเหล่านี้ และลดระยะเวลาในการพัฒนาและติดตั้ง หลายๆ องค์กรจะปรับใช้แนวทางการพัฒนาและปฏิบัติงาน (DevOps) แบบครบวงจรกันมากขึ้น เพื่อเพิ่มการติดต่อสื่อสาร การประสานงานร่วมกัน และการบูรณาการระหว่างทีมงานเหล่านี้ และดังนั้นจึงขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการมอบหมายงานที่ไม่สมบูรณ์ ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน หรือทักษะที่ไม่เพียงพอ
การดำเนินการดังกล่าวจะเพิ่มภาระให้แก่ทีมนักพัฒนา เพราะนอกจากจะต้องทำงานพัฒนาและจัดการโค้ดแล้ว ยังต้องทำหน้าที่แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานอีกด้วยหลังจากที่มีการปรับใช้โซลูชั่นที่ทีมงานพัฒนาขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้แพลตฟอร์มที่ไว้ใจได้และระบบปฏิบัติการที่เปี่ยมด้วยเสถียรภาพ และเนื่องจากงานมีความซับซ้อนมากขึ้น นักพัฒนาจึงต้องการแพลตฟอร์มองค์กรที่จะช่วยแบ่งเบาภาระการทำงาน เพื่อให้สามารถทุ่มเทกับโครงการใหม่ๆ ได้อย่างเต็มที่ แทนที่จะต้องวุ่นวายกับการแก้ไขปัญหาระบบหยุดทำงาน
รูปแบบนี้จะได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นภายในองค์กร โดยฝ่ายไอทีจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น ขณะที่องค์กรพยายามมองหาหนทางที่จะเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาท้าทาย องค์กรต่างๆ จะต้องวุ่นวายกับการปรับใช้แนวทางนี้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ และจำเป็นต้องอาศัยบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีอย่างเช่น เร้ดแฮท เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ดูเหมือนว่ารูปแบบนี้จะกลายเป็นอนาคตของระบบไอทีภายในองค์กร แล้วคุณมองว่าอนาคตของระบบปฏิบัติการจะเป็นอย่างไร?
โดยทั่วไปแล้ว ระบบปฏิบัติการรองรับจุดประสงค์หลัก 2 ข้อ คือ ทำให้ซอฟต์แวร์และนักพัฒนาสามารถใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมฮาร์ดแวร์ในทันทีที่พร้อมใช้งาน และนำเสนอรากฐานที่เปี่ยมด้วยเสถียรภาพสำหรับการรันแอพพลิเคชั่น และในอนาคต ระบบปฏิบัติการจะยังคงพัฒนาต่อไปในแนวทางนี้เพื่อขับเคลื่อนระบบคลาวด์ ตัวอย่างเช่น ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ (Linux) ได้รับการพัฒนาสำหรับอินเทอร์เน็ต และทุกวันนี้รองรับทุกๆ 8 ใน 10 แอพพลิเคชั่นบนระบบคลาวด์ ทั้งนี้เพราะระบบลีนุกซ์รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ปลอดภัย ปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น และเปี่ยมด้วยเสถียรภาพ ควบคู่ไปกับการรองรับมาตรฐานและระบบเปิด

ระบบคลาวด์จำเป็นที่จะต้องมีทางเลือกที่หลากหลายและยืดหยุ่น และเราเชื่อว่านี่คือสิ่งที่จะทำให้ลีนุกซ์ยังคงเป็นระบบปฏิบัติการคลาวด์ที่ดีเยี่ยมต่อไปในอนาคต และเราเชื่อว่า Red Hat Enterprise Linux จะมีบทบาทสำคัญในอนาคตที่ว่านี้ด้วยเช่นกัน Red Hat Enterprise Linux จะช่วยให้แอพพลิเคชั่นต่างๆ ใช้ทรัพยากรประมวลผล สตอเรจ และเครือข่ายบนโซลูชั่นเวอร์ช่วลไลเซชั่นที่หลากหลาย รวมไปถึงบริการคลาวด์จากหลายๆ บริษัท พร้อมเสถียรภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า 10 ปี
ระบบปฏิบัติการดังกล่าวได้ทำหน้าที่เป็นรากฐานที่รองรับระบบไอทีรุ่นเก่ามานานหลายทศวรรษ ทั้งยังเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่อีกด้วย นี่คือบทบาทที่เราจะพบเห็นสำหรับแพลตฟอร์มปฏิบัติการดังกล่าวในด้านเทคโนโลยีประมวลผลในช่วงปี 2556 เป็นต้นไป ขณะที่องค์กรต่างๆ เปลี่ยนย้ายไปสู่ระบบคลาวด์ ระบบปฏิบัติการจะยังคงทำหน้าที่เป็นพื้นฐานที่สำคัญ คำถามก็คือ ระบบปฏิบัติการรุ่นใดคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ระบบรุ่นเก่าที่ใช้เทคโนโลยีแบบปิดและทำให้ลูกค้าต้องยึดติดอยู่กับผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง หรือระบบโอเพ่นซอร์สที่มีต้นกำเนิดมาจากอินเทอร์เน็ตและปรับแต่งเป็นพิเศษสำหรับระบบคลาวด์?
คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องบิ๊กดาต้า? เราได้ยินมาว่าหลายๆ องค์กรพยายามหาหนทางที่จะจัดการข้อมูลบิ๊กดาต้า แล้วคุณคิดว่าบิ๊กดาต้าจะยังคงส่งผลกระทบต่อองค์ธุรกิจในปีหน้าหรือไม่?
เป็นที่คาดการณ์ว่าข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 50 เท่าภายในปี 2563 และลูกค้าของเราตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งในแง่ของปริมาณ ความหลากหลาย และความเร็ว เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ ลูกค้าเป็นกังวลเรื่องวิธีการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล รวมถึงวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล เพราะข้อมูลจะมีค่าก็ต่อเมื่อคุณสามารถนำไปกลั่นกรองเป็นข้อมูลเชิงลึกเพื่อใช้รองรับการตัดสินใจ

ขณะที่องค์กรธุรกิจจำเป็นต้องใช้ข้อมูลในการดำเนินงาน บิ๊กดาต้าก็ก่อให้เกิดชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนอย่างมาก จนทำให้การจัดเก็บข้อมูลเพื่อรองรับการเรียกดูอย่างง่ายดายกลายเป็นเรื่องยาก ข้อมูลนี้มาจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ทั้งแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง เช่น ธุรกรรมทางด้านธุรกิจ ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ เสียง วิดีโอ คลิกสตรีม ล็อกไฟล์ และอื่นๆ อีกมากมาย ฝ่ายไอทีจะต้องทำให้บิ๊กดาต้ากลายเป็นสินทรัพย์สำหรับองค์กร แทนที่จะเป็นภาระค่าใช้จ่าย โดยจะต้องปรับปรุงความสามารถในการจัดเก็บ รวบรวม ปรับให้เป็นมาตรฐาน และผสานรวมเข้าด้วยกันจากแหล่งข้อมูลทั้งหมดบนระบบที่หลากหลาย
แต่การจัดเก็บข้อมูลจะก่อให้เกิดประโยชน์ก็ต่อเมื่อคุณสามารถนำมาใช้ได้ นอกจากนี้ บิ๊กดาต้ายังบั่นทอนความสามารถของเราในการใช้ระบบ Business Intelligence แบบเดิมๆ เพื่อใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ ปัจจุบันระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบเป็นชุดและระบบวิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์ถูกแยกออกจากกัน ดังนั้นบริษัทต่างๆ จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ทำงานแบบเรียลไทม์ได้มากขึ้น ฝ่ายไอทีจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อลงทุนในระบบวิเคราะห์ข้อมูลทรานแซคชั่นและระบบวิเคราะห์ข้อมูลบิ๊กดาต้าที่เหมาะสม เพื่อวิเคราะห์และนำเสนอผลลัพธ์ที่จะช่วยในกระบวนการตัดสินใจ
ในการจัดการข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลและการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อรองรับการปรับขนาดอย่างยืดหยุ่น การผนวกรวมระบบ การปรับปรุงประสิทธิภาพ และระบบสตอเรจแบบ scale-out สำหรับอนาคตอันใกล้นี้ คาดว่าองค์กรต่างๆ จะยังคงพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรันแอพพลิเคชั่นบิ๊กดาต้าอย่างมีเสถียรภาพและปรับขนาดอย่างกลมกลืน เพื่อก้าวให้ทันกับจังหวะความเร็วในการสร้างหรือถ่ายโอนข้อมูล
แพลตฟอร์มระดับองค์กร เช่น Red Hat Enterprise Linux ผสานรวมระบบสตอเรจประสิทธิภาพสูงที่รับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและปรับขนาดได้อย่างเหมาะสม เข้ากับความสามารถในการพัฒนา ผนวกรวม และปกป้องแอพพลิเคชั่นที่ใช้ข้อมูล ด้วยเหตุนี้เราจึงประเมินว่าระบบบิ๊กดาต้าส่วนใหญ่จะรันบนแพลตฟอร์มลีนุกซ์
มีเทคโนโลยีเดิมๆ ที่มีความสำคัญซึ่งจะยังคงได้รับความสนใจสูงสุดจากองค์กรธุรกิจอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2556 หรือไม่?
ระบบประมวลผลที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินงาน (Mission-critical computing) จะมีความสำคัญอยู่เสมอ ทั้งนี้เพราะองค์กรต่างๆ ไม่อาจยอมรับปัญหาระบบหยุดทำงานได้ ด้วยเหตุนี้ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เราจึงได้เห็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนย้ายจากแพลตฟอร์มยูนิกซ์ไปสู่ลีนุกซ์ ซึ่งนับจากนั้นเป็นต้นมา ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาโดยตลอด องค์กรที่รู้จักยูนิกซ์และเชื่อมั่นในความสามารถของแพลตฟอร์มนี้ตระหนักว่าระบบปฏิบัติการนี้มีอายุถึง 40 ปี และสามารถเปลี่ยนย้ายไปสู่สถาปัตยกรรมยุคใหม่ ซึ่งประกอบสร้างขึ้นจากลีนุกซ์ โดยแทบไม่มีปัญหาอะไรเลย ลีนุกซ์ประกอบด้วยแนวคิดที่ทรงประสิทธิภาพของยูนิกซ์ และผมคาดหมายว่าเราจะเห็นการโยกย้ายจากยูนิกซ์ไปสู่ลีนุกซ์เพื่อรองรับระบบงานแบบ mission-critical เพิ่มมากขึ้น เพราะแพลตฟอร์มดังกล่าวได้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณสมบัติที่เหนือกว่า ทั้งในแง่ของเสถียรภาพ ความพร้อมใช้งาน และความสามารถในการปรับขนาด

มีอะไรอีกหรือเปล่าที่คุณคิดว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ร้อนแรงสำหรับปีหน้า?
แนวโน้มหลายอย่างที่เราเคยกล่าวถึงเมื่อปีที่แล้ว เช่น งบประมาณที่จำกัดสำหรับฝ่ายไอทีในการปรับปรุงระบบให้ทำงานได้มากขึ้นแต่ใช้ทรัพยากรน้อยลง สภาพแวดล้อมแบบไฮบริด สถาปัตยกรรมแบบขยายในแนวนอน (scale-out) และการทำลายการผูกขาดเทคโนโลยี ยังคงส่งผลกระทบต่อองค์กรต่างๆ ในแง่ของการจัดการบิ๊กดาต้า, คลาวด์, การนำเอาเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคมาใช้ในองค์กร และประเด็นอื่นๆ แม้ว่าฝ่ายไอทีจะมีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังต้องพบกับข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณ ซึ่งส่งผลให้ฝ่ายไอทีจำเป็นที่จะต้องหาหนทางที่สร้างสรรค์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพ เช่น ปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นแบบมาตรฐาน และปรับใช้แนวทาง DevOps สำหรับงานพัฒนาและติดตั้ง ระบบปฏิบัติการจะยังคงพัฒนาไปสู่แพลตฟอร์มคลาวด์ และสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดจะได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้น ขณะที่องค์กรต่างๆ เริ่มหันหลังให้กับเทคโนโลยีแบบปิดที่ถูกผูกขาดโดยผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง และสถาปัตยกรรมแบบ scale-out ก็จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยเป็นผลมาจากความจำเป็นในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างเต็มที่
เราจะเห็นแนวโน้มเหล่านี้ในช่วงปี 2556 และปีต่อๆ ไป เพราะเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง และผมคาดหมายว่าจะมีนวัตกรรมและแนวคิดใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะผลักดันให้เราและลูกค้าของเราก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เรายังคงจัดหาแพลตฟอร์มระดับองค์กรที่เปี่ยมด้วยเสถียรภาพให้แก่ลูกค้าและคู่ค้า เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาท้าทายที่สำคัญในปัจจุบัน พร้อมความยืดหยุ่นในการรองรับภารกิจสำคัญในอนาคต และเครือข่ายโซลูชั่นและบริการสนับสนุนของเราจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าด้วยเช่นกัน
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : th.redhat.com วันที่ : 26 มกราคม 2556
รีวิว BMB Entry Level ตำนานเครื่องเสียงญี่ปุ่น ครบจบเรื่องคาราโอเกะ
realme Watch 5 สมาร์ตวอทช์ดีไซน์คุ้นๆ เหมือนค่ายผลไม้ แต่ราคาต่างกันราวฟ้ากับเหว
HUAWEI FreeBuds Pro 5 หูฟังไร้สาย TWS มาพร้อมชิป Kirin A3 รับรองเสียง Lossless สตีมมิ่ง 4.6Mbps
รีวิว ASUS V500MV พีซีไซส์เล็ก สเปค Core i5 Gen 13 ตอบโจทย์ออฟฟิศยุคใหม่
HONOR Watch Fit สมาร์ตวอทช์มินิมอล ดีไซย์บางเฉียบ ใช้งานได้นาน 23 วัน ราคาเบาๆ 2,999 บาท
HONOR Watch 5 Ultra วางขายในไทย สมาร์ตวอทช์ผลิตจากไทเทเนียม รองรับโหมด Freedive ลึก 40 เมตร
iQOO 15 ท้าสัมผัสพลังเรือธง ที่เกิดมาเพื่อเหล่า MVPs 3 ธ.ค. นี้
5 สมาร์ตโฟนเน้นแบตฯ อึด ใช้งานได้ข้ามวัน สำหรับสายเดินทาง ประจำเดือนพฤศจิกายน 2025
รุ่นดังราคาดรอป! รวมสมาร์ตโฟนราคาพิเศษ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2025
สมาร์ตโฟนรุ่นเล็กสเปคแรง สำหรับนักเรียน-นักศึกษา เริ่มต้นแค่ 3,000 บาท ประจำเดือนพฤศจิกายน 2025
realme C85 Series ประกาศราคาในไทย มาครบทั้ง 4G และ 5G กับสมาร์ตโฟนตัวคุ้มสเปคครบ
HONOR 500 Series สมาร์ตโฟนฟีล Air ทั้งบางทั้งเบา โมดูลกล้องหลังแคปซูลแนวนอน!
Redmi Note 15 Series หลุดทั้งภาพ และข้อมูลสเปคก่อนเปิดตัวแบบ Global22 ชั่วโมงที่แล้ว