แชร์

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

บริษัท โบรเคด ผู้นำโซลูชั่นดาต้าเซ็นเตอร์แฟบริกเน็ตเวิร์กกิ้ง ชี้ ความท้าทายทางธุรกิจในปัจจุบันเปิดโอกาสให้แผนกไอทีริเริ่มปฏิวัติเน็ตเวิร์กแบบเดิม พร้อมแนะแนวทางการปรับสถาปัตยกรรมเน็ตเวิร์ก ให้ตอบโจทย์ความต้องการด้านแอพพลิเคชั่นและเซอร์วิสให้ดียิ่งขึ้น สร้างผลกระทบเชิงบวกแก่ธุรกิจ และปูพื้นฐานให้ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ ในอนาคต

จากการสำรวจของโบรเคดร่วมกับสถาบันวิจัยแวนสันเบิร์นในปี 2013 พบว่าผู้บริหารไอทีกว่า 92% ตระหนักถึงความจำเป็นในการอัพเกรดโครงสร้างไอทีครั้งใหญ่ ในยุคดิจิตอลที่นวัตกรรมเป็นสิ่งขับเคลื่อนสำคัญ

กุญแจสำคัญสู่เน็ตเวิร์กแห่งอนาคต

การปรับขนาดดาต้าเซ็นเตอร์ทำได้ง่ายด้วยการต่อเชื่อมอุปกรณ์เพิ่มเติม ถึงแม้วิธีนี้จะใช้งานได้ดีมายาวนานหลายทศวรรษ แต่ผลที่ตามมาคือ จำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่มีมากมายมหาศาลและการใช้รีซอร์สให้เกิดประโยชน์น้อยเกินไป แต่ในยุคของคลาวด์คอมพิวติ้งและโมบิลิตี้ การแก้ปัญหาดาต้าเซ็นเตอร์จะต้องแก้ที่ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ร่วมกัน ไม่ใช่เฉพาะฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ จะต้องปรับทัศนคติของผู้บริหารเช่นกัน

ผู้บริหารแผนกไอทีหลายคนยังยึดติดกับทัศนคติเดิมๆ ซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ด้านไอทียาวนานหลายปี ตั้งแต่ยุค 1990s ที่เริ่มใช้สถาปัตยกรรมเน็ตเวิร์กแบบดั้งเดิมเพื่อเชื่อมต่อโลกเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรก แต่ผู้ใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์ในปัจจุบันต้องการเน็ตเวิร์กที่คล่องตัวและตอบสนองไวเพื่อรองรับกระแสคลาวด์ ผู้บริหารแผนกไอทีจึงจำเป็นต้องปรับทัศนคติ กล้าเปลี่ยนแปลง และยอมรับความต้องการของผู้ใช้งาน

แฟบริก, เอสดีเอ็น และเอ็นเอฟวี นวัตกรรมแถวหน้า

หากแผนกไอทีต้องการจะปรับทิศทางการกระจายข้อมูลและโมเดลสถาปัตยกรรมเน็ตเวิร์กแบบแฟบริก เทคโนโลยีเอสดีเอ็น (Software-Defined Networking - SDN) และเอ็นเอฟวี (Network Functions Virtualization - NFV) คือคำตอบ แฟบริกจะช่วยเพิ่มการทำงานของเน็ตเวิร์กขึ้น 200% ลดต้นทุนการดาเนินงานมากกว่า 50% ปรับแก้ไขเน็ตเวิร์กได้ง่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จำเป็นเพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจ การสร้างบ้านต้องมีรากฐานที่มั่นคงเช่นไร การสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ก็ต้องใช้แฟบริกเพื่อสร้างความมั่นคงเช่นกัน แฟบริกยังช่วยต่อยอดนวัตกรรมสำหรับธุรกิจอีกด้วย

เอสดีเอ็นและเอ็นเอฟวี เมื่อทำงานร่วมกันจะสร้างเน็ตเวิร์กที่ทำงานได้อัตโนมัติและมีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้งานแอพพลิคชั่นและเซอร์วิสต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว เรากำลังพูดถึงการติดตั้งนวัตกรรมในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ไม่ใช่เป็นวันหรือนานเป็นเดือน เพื่อให้ผู้ประกอบการมั่นใจและเลิกวิตกกับปัญหาการนำผลิตภัณฑ์หรือเซอร์วิสไปใช้งานและการต้องกลับไปแก้ไขใหม่

เอสดีเอ็นและเอ็นเอฟวีทำงานสอดคล้องกัน แต่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น เอสดีเอ็นช่วยให้แอดมินระบบสามารถกำหนดเส้นทางข้อมูลในเน็ตเวิร์กที่ใช้ OpenFlow โปรโตคอลใหม่สำหรับการสื่อสาร เมื่อทราฟฟิกของเน็ตเวิร์กเริ่มติดปัญหาที่คอขวด แอดมินระบบจะสามารถเปลี่ยนเส้นทางข้อมูลได้ทันทีโดยใช้คำสั่งในซอฟต์แวร์ ซึ่งสามารถตั้งขึ้นเฉพาะกิจหรือสั่งให้ทำงานอัตโนมัติผ่านอินเทอร์เฟซส่วนกลางก็ได้

สำหรับเอ็นเอฟวี จะช่วยให้แอดมินระบบสามารถสั่งการฟังก์ชั่นของคอร์เน็ตเวิร์กได้แบบเวอร์ชวล เช่น แทนที่จะสั่งงานสำคัญอย่างการจัดการไฟร์วอลล์ผ่านดีไวซ์ แอดมินระบบสามารถออฟโหลดฟังก์ชั่นบนเซิร์ฟเวอร์มาตรฐาน x86 นอกจากนี้ เวอร์ช่วลฟังก์ชั่นสามารถใช้งานได้บนคลาวด์อีกด้วย

สถาปัตยกรรมเน็ตเวิร์กสำหรับอนาคต

“การคาดการณ์ความต้องการผลิตภัณฑ์และเซอร์วิสในอนาคตนั้นเป็นเรื่องยาก ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจจึงควรเปิดใจพิจารณานวัตกรรมอย่างมาตรฐานเปิดและการทำงานร่วมกันของฮาร์ดแวร์ต่างๆ ในการสร้างแพลตฟอร์มสำหรับนวัตกรรมดาต้าเซ็นเตอร์” จักรัตน์ เหลืองธีรภาพ ผู้จัดการ บริษัท โบรเคด ประจำประเทศไทย กล่าว “ประโยชน์สูงสุดในระยะยาวของเน็ตเวิร์กที่เน้นแฟบริกและซอฟต์แวร์ คือ อิสระในการคิดค้นนวัตกรรม การใช้งานแอพพลิเคชั่นและเซอร์วิสที่รวดเร็วในราคาที่เหมาะสม แต่ก่อนที่เราจะคาดการณ์ความต้องการผลิตภัณฑ์และเซอร์วิสในอนาคต เราจำเป็นต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์และเซอร์วิสที่มีในปัจจุบันให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพเสียก่อน”

การสร้างเน็ตเวิร์กแห่งอนาคตนั้นไม่ไกลเกินเอื้อม เพียงแค่เริ่มต้นในวันนี้

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

ไฮไลท์ข่าวเด่น

อ่าน

แบ่งปันบทความ

มือถือออกใหม่