แก็ดเจ็ต (Gadget) | วันที่ : 5 มิถุนายน 2557
เรเน่ เจมส์ ประธานของอินเทล กล่าวในงานคอมพิวเท็กซ์ ที่จัดขึ้น ณ กรุงไทเป ประเทศไต้หวันว่าเมื่อการใช้งานคอมพิวเตอร์มีวิวัฒนาการและขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยได้ก้าวข้ามการใช้งานพีซีรูปแบบเดิมไปแล้ว ทั้งอินเทลและบริษัทด้านเทคโนโลยีในไต้หวันจึงมีโอกาสอันน่าตื่นเต้นที่จะได้สร้างประวัติศาสตร์ด้านความร่วมมือทางนวัตกรรม เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีส่วนบุคคลที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้นอย่างไร้ขอบเขต

ตามกฎของ Moore’s Law นั้น เทคโนโลยีของโปรเซสเซอร์ จะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและกินไฟต่ำลง ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตการทำงานและศักยภาพสำหรับเทคโนโลยีของอินเทลและระบบอีโคซิสเต็มของไต้หวัน จากเทคโนโลยีคลาวด์ และ Internet of Things ไปสู่อุกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาส่วนบุคคล และเทคโนโลยี wearable
เรเน่ กล่าวเสริมว่า“ปัจจุบันการแบ่งประเภทของเทคโนโลยีทำได้ยากขึ้น เนื่องจากเป็นยุคเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แบบผสมผสานที่ลักษณะภายนอก (form factor) มีความสำคัญน้อยกว่าประสบการณ์การใช้งานที่ได้รับจากการใช้งาน และอุปกรณ์มีการเชื่อมต่อระหว่างกันและกัน และเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีคลาวด์ ซึ่งอินเทลเองมีความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อมอบเทคโนโลยีขั้นสูง ให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน เสื้ออัจฉริยะ อุปกรณ์ทูอินวันที่มีขนาดบางมาก หรือระบบคลาวด์ที่ออกแบบเพื่อการสร้างระบบอัจฉริยะที่เชื่อมโยงกัน เพราะสุดท้ายแล้ว ทุกอย่างมีจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือการมอบประสบการณ์ใช้งานที่ฉลาดขึ้น และทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น เพื่อนำไปสู่โลกที่เชื่อมต่อกันได้ทั้งหมด”
เรเน่ ยังย้ำด้วยว่าความร่วมมือระหว่างอินเทลกับบริษัทในไต้หวันและผู้ผลิตและให้บริการทางเทคโนโลยีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของเทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์ จะทำให้อุปกรณ์ใหม่ๆ ที่กำลังจะออกสู่ตลาดมีความอัจริยะมากขึ้น สามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีกับอุปกรณ์อื่นๆ รวมถึงระบบคลาวด์ และเข้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนได้
เทคโนโลยีการประมวลผลส่วนบุคคล จะมาในหลากหลายรูปแบบทั้งขนาด รูปลักษณ์ และประสบการณ์การใช้งาน

เรเน่ กล่าวว่า กฎของมัวร์ (Moore’s law) นั้น เป็นพื้นฐานของแนวคิดในการลดต้นทุนการผลิตสำหรับอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กลง แต่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น และกินไฟต่ำลง ตามที่ผู้บริโภคคาดหวัง
อินเทล ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอเทคโนโลยีแบบ SoC หรือ System on Chip รวมถึงอุปกรณ์เชื่อมต่อ และการสื่อสารในหลากหลายรูปแบบ สำหรับแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนในหลากหลายกลุ่มราคาและสามารถทำงานได้บนหลากหลายระบบปฏิบัติการ เรเน่ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าอินเทลมีแท็บเล็ตอีกกว่า 130 รุ่น ที่มีวางจำหน่ายหรือกำลังจะเปิดตัวภายในปีนี้ จากหลากหลายผู้ผลิตทั่วโลก โดยในงาน คอมพิวเท็กซ์ครั้งนี้ มีการเปิดตัวแท็บเล็ตที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของอินเทลมากกว่า 12 รุ่น โดยพร้อมวางจำหน่ายแล้ว โดยส่วนใหญ่ใช้ระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ และร้อยละ 35 ของแท็บเล็ตที่ใช้ อินเทล อะตอม โปรเซสเซอร์นั้น จะมาพร้อมกับโซลูชั่นทางการสื่อสารของอินเทลอีกด้วย
เรเน่ยังกล่าวด้วยว่า ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม 6-capable Intel XMM 7260 LTE-Advanced platform (6-capable อินเทล เอ็กซ์เอ็มเอ็ม แอลทีอี-แอ็ดว๊านซ์ แพล็ตฟอร์ม) นั้น มีการส่งมอบเพื่อให้ทดลองการทำงานได้แล้ว ซึ่งทำให้อินเทลก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าของตลาดนี้ โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นการนำเทคโนโลยีนี้เข้ามาใช้ในอุปกรณ์ที่จะวางจำหน่ายจริงในไม่กี่เดือนข้างหน้า
ยัง หลิว ผู้บริหารจากฟ็อกซ์คอนน์ ได้ขึ้นเวทีพร้อมกับ เรเน่ และประกาศเปิดตัวแท็บเล็ตที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังอินเทลมากกว่า 10 รุ่น โดยบางรุ่นเริ่มมีวางจำหน่ายแล้ว โดยครอบคลุมตั้งแต่ราคาระดับเริ่มต้น ไปจนถึงรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพสูง แท็บเล็ตเหล่านี้จะใช้ อินเทล อะตอม โปรเซสเซอร์ เอสโอซี ชื่อรหัส “Bay Trail” (เบย์ เทรล) และ “Clovertrail+ พลัส” (โคลเวอร์เทรล) และยังมีอีกหลายรุ่นที่มาพร้อมกับความสามารถในการรับสัญญาณ 3G หรือ LTE อีกด้วย
และเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการพัฒนา SoC สำหรับสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตในราคาระดับเริ่มต้น ซึ่งจะนำออกสู่ตลาดในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เรเน่ ได้สาธิตการใช้สมาร์ทโฟนต้นแบบที่ใช้อินเทล SoFIA 3G โซลูชั่น แบบ ดูอัลคอร์ นอกจากนี้ อินเทล ยังเตรียมจะนำอินเทล SoFIA LTE (โซเฟีย แอลทีอี) แบบคว๊อดคอร์ สู่ตลาดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อินเทล ได้ประกาศเป็นพันธมิตรด้านกลยุทธ์กับ Rockchip เพื่อนำเทคโนโลยี อินเทล โซเฟีย 3G แบบคว๊อดคอร์ ไปใช้ในแท็บเล็ตสำหรับกลุ่มผู้เริ่มใช้งาน ซึ่งก็มีกำหนดวางจำหน่ายในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้าเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ เรเน่ ยังได้เผยโฉมโน้ตบุ๊กต้นแบบที่ไม่มีพัดลมระบายความร้อนซึ่งใช้สถาปัตยกรรม 14 นาโนเมตร จากอินเทล โดยมีความบางเพียง 7.2 มิลลิเมตร มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 12.5 นิ้ว และน้ำหนักเบาเพียง 0.67 กิโลกรัม โดยมาพร้อมกับคีย์บอร์ดแบบถอดได้และแท่นวางสำหรับใช้ชมมัลติมีเดีย โดยจะใช้เป็นตัวระบายความร้อนพร้อมกับประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้น โดยเครื่องต้นแบบนี้ สร้างขึ้นเพื่อใช้งานกับ โปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปของอินเทล ชื่อรหัส บรอดเวลล์ (Broadwell) ซึ่งมีขนาด 14 นาโนเมตร ผลิตมาสำหรับอุปกรณ์ทูอินวัน ที่จะวางจำหน่ายปลายปีนี้ Intel Core M Processor (อินเทล คอร์ เอ็ม โปรเซสเซอร์) ถือเป็นตัวประมวลผลที่มอบประสิทธิภาพสูงสุดในตระกูล คอร์ นับตั้งแต่เคยผลิตมา1 โดยอุปกรณ์ที่ใช้ตัวประมวลผลรุ่นนี้ จะไม่มีพัดลมระบายความร้อน โดยจะติดตั้งทั้งในแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูง และแล็บท็อปที่บางเฉียบ
อินเทล ยังคงให้ความความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการการใช้งานพีซีที่มีประสิทธิภาพขั้นสูง โดยได้เปิดตัว Intel Core i7 and i5 Processor (อินเทล คอร์ ไอเซเว่น และ ไอไฟว์ โปรเซสเซอร์) เจเนอเรชั่น 4 ในตระกูล K ซึ่งถือว่าเป็นตัวประมวลผลตัวแรกที่ ทำงานแบบสี่คอร์ และแต่ละคอร์สามารถทำงานด้วยความเร็ว 4Ghz ซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำงานที่มีประสิทธิภาพขั้นสูง และต้องการ Overclock โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จะเริ่มวางจำหน่ายต้นเดือนมิถุนายน ปีนี้

และสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการการประมวลผลข้อมูลขั้นสูง เรเน่ได้เปิดตัว Intel Solid-State Drive Data Center Family for PCIe (อินเทล โซลิด-สเต็ท ไดร์ฟ ดาต้า เซ็นเตอร์ แฟมิลี่) ซึ่งสามารถรับมือกับข้อมูลอันมหาศาล โดยให้ความเสถียรและความปลอดภัยต่อข้อมูล ซึ่งจะสามารถช่วยลดต้นทุนได้ โดยผลิตภัณฑ์นี้ จะมีวางจำหน่ายในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
เรเน่ กล่าวว่า การที่เทคโนโลยี จะสามารถมอบประสบการณ์ใช้งานเฉพาะบุคคลได้มากขึ้นนั้น มันต้องเข้าใจมนุษย์ในระดับที่สามารถที่จะโต้ตอบกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ เธออธิบายถึงความร่วมมือที่จะนำ เทคโนโลยี Intel RealSense technology (อินเทล เรียลเซ้นส์ เทคโนโลยี) และ กล้อง 3 มิติ มาใส่ในกลุ่มอุปกรณ์ทูอินวัน ออลอินวัน แท็บเล็ต รวมถึงอุปกรณ์ประมลผลส่วนบุคคลอื่นๆ โดยจะมีชุดซอฟท์แวร์สำหรับนักพัฒนาเทคโนโลยี RealSense ออกมาในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2557 เพื่อให้เหล่านักพัฒนาได้คิดค้นการใช้งานที่เป็นธรรมชาติ และโต้ตอบกับผู้ใช้งานอย่างฉลาดมากยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการตอกย้ำถึงการสนับสนุนที่อินเทลมีต่อชุมชนนักพัฒนาโปรแกรม อินเทลจะจัดการแข่งขัน Intel RealSense App Challenge 2014 เพื่อชิงเงินรางวัลกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยการแข่งขันช่วงแรกจะเริ่มในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.intel.com วันที่ : 5 มิถุนายน 2557
HUAWEI FreeClip 2 หูฟังไร้สาย Clip-On เสียงดีขึ้น เบาขึ้น และคุยสายได้เนียนขึ้น
Samsung เปิดตัว 60W Power Adapter เตรียมการ Galaxy S26 Series และอุปกรณ์อื่นๆ ในปี 2026
รีวิว BMB Entry Level ตำนานเครื่องเสียงญี่ปุ่น ครบจบเรื่องคาราโอเกะ
realme Watch 5 สมาร์ตวอทช์ดีไซน์คุ้นๆ เหมือนค่ายผลไม้ แต่ราคาต่างกันราวฟ้ากับเหว
HUAWEI FreeBuds Pro 5 หูฟังไร้สาย TWS มาพร้อมชิป Kirin A3 รับรองเสียง Lossless สตีมมิ่ง 4.6Mbps
รีวิว ASUS V500MV พีซีไซส์เล็ก สเปค Core i5 Gen 13 ตอบโจทย์ออฟฟิศยุคใหม่
หลุดสเปค vivo X300 Ultra แบตฯ อึด 7,000mAh พร้อมกล้องคู่ 200MP จ่อเปิดตัว Q1 2026
Samsung Galaxy Tab A11+ และ A11 แท็บเล็ตใช้งานทั่วไป ในราคาไม่ข้ามหมื่นบาท
OnePlus 15R และ OnePlus Pad Go 2 ประกาศวันเปิดตัว พร้อมบอกสเปคบ้างส่วนบนหน้าเว็บไซต์
10 สมาร์ตโฟนที่คนค้นหามากที่สุดใน Siamphone อัปเดตเดือนพฤศจิกายน 2025
HONOR Watch 5 Ultra วางขายในไทย สมาร์ตวอทช์ผลิตจากไทเทเนียม รองรับโหมด Freedive ลึก 40 เมตร