รีวิว TP-Link USB-C Hub เพิ่มพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน รองรับการใช้งานหลากหลายทั้ง 6 in 1 และ 9 in 1

เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยเจอปัญหาพอร์ต USB ในแล็ปท็อปหรือสมาร์ทโฟนมีน้อย ทำให้ต่อเมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง หรืออุปกรณ์อื่นๆ พร้อมกันไม่ได้ วันนี้ทาง Siamphone จะมาแนะนำอุกรณ์เสริมดีๆ จากแบรนด์ TP-Link ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มจำนวนพอร์ต USB ให้กับอุปกรณ์ของคุณ โดยจะมีมาด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ USB Type-C 6 in 1 Hub และ USB Type-C 9 in 1 Hub ความสามารถและความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นนี้จะเป็นยังไง ไปดูกันเลย

การแสดงผลภาพระดับ 4K และการเชื่อมต่อที่เสถียร

ทั้งรุ่น USB-C 6-in-1 Hub (UH6120C) และ USB-C 9-in-1 Hub (UH9120C) มาพร้อมกับพอร์ต HDMI ที่รองรับการแสดงผลความละเอียดสูงสุดที่ 4K@60Hz ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับจอภาพ, โปรเจคเตอร์ หรือทีวีภายนอกได้ง่าย ๆ และรับประสบการณ์การแสดงผลภาพที่คมชัดไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะใช้เพื่อการทำงาน, ดูหนัง, หรือการเล่นเกม ภาพที่แสดงจะคมชัดและมีรายละเอียดที่ดีเยี่ยมตามมาตรฐาน 4K

นอกจากนี้ทั้ง 2 รุ่นยังมีพอร์ต Ethernet Gigabit ซึ่งรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงและเสถียร พอร์ตนี้ช่วยให้การทำงานออนไลน์, การประชุมทางวิดีโอ, หรือการเล่นเกมออนไลน์ที่ต้องการการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว, มั่นคงและไม่มีสะดุด ให้เป็นไปได้อย่างราบรื่น ด้วยการเชื่อมต่อที่เสถียร ไม่ต้องกังวลเรื่องการหลุดจากการเชื่อมต่อหรือความล่าช้าในการรับส่งข้อมูล

การชาร์จไฟที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ (Power Delivery 100W)

ทั้งรุ่น 6-in-1 และ 9-in-1 รองรับการจ่ายพลังงานสูงถึง 100W ผ่านพอร์ต USB-C สามารถใช้งานร่วมกับหัวชาร์จแบบ Power Delivery เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานมากเช่น แล็ปท็อป แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์ต่างๆ ในขณะที่ใช้งานฟังก์ชันอื่นๆ เช่น การถ่ายโอนไฟล์หรือการเชื่อมต่อกับหน้าจอภายนอก สามารถชาร์จอุปกรณ์ ได้พร้อมกันโดยไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดขณะใช้งาน

การถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง 5Gbps

ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับพอร์ต USB 3.0 ที่รองรับความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 5Gbps ช่วยให้คุณสามารถถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว เช่น การโอนถ่ายข้อมูลจากฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก, แฟลชไดรฟ์, หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้ทันทีและสะดวกสบาย

ทั้งรุ่น 6-in-1 และ 9-in-1 มีพอร์ต USB-A สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ที่รองรับการโอนถ่ายข้อมูลอย่างรวดเร็ว และพอร์ต USB-C สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ใหม่ๆ ที่รองรับเทคโนโลยี USB-C ได้อีกด้วย ทำให้ครอบคลุมทุกอุปกรณ์ที่มีพอร์ต USB ที่หลากหลาย

ใช้งานง่ายและไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์ (Plug & Play)

การใช้งาน USB-C Hub ทั้ง 2 รุ่นนี้ ทำได้ง่ายและสะดวกเพียงแค่เสียบและใช้งานได้เลยทันที โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่มเติม อีกทั้งยังรองรับระบบปฏิบัติการที่หลากหลาย รวมถึง Windows (10/8.1), macOS (ตั้งแต่ El Capitan ขึ้นไป), Linux, iOS, Android, Chrome OS, และ Nintendo OS ทำให้สามารถใช้งานกับอุปกรณ์หลายประเภทได้อย่างไร้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต, สมาร์ทโฟน หรือแม้แต่เครื่องเกมพกพาก็ตาม

ความแตกต่างระหว่าง USB-C 6-in-1 และ USB-C 9-in-1 Hub

• จำนวนพอร์ต
  • รุ่น 6-in-1 มี 6 พอร์ต ได้แก่ HDMI, Ethernet, USB-A (2 ช่อง), USB-C (1 ช่อง), และ USB-C สำหรับ Power Delivery (1 ช่อง)
  • รุ่น 9-in-1 มี 9 พอร์ต โดยเพิ่มพอร์ต SD และ microSD UHS-I สำหรับการโอนถ่ายข้อมูลจากการ์ดหน่วยความจำ

• การใช้งานการ์ดหน่วยความจำ : รุ่น 9-in-1 รองรับการใช้งาน SD และ microSD ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานที่ต้องการถ่ายโอนข้อมูลจากกล้องถ่ายรูปหรืออุปกรณ์ที่ใช้การ์ดหน่วยความจำสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว

• พอร์ต USB : รุ่น 9-in-1 มีพอร์ต USB-A ถึง 3 ช่อง (มากกว่ารุ่น 6-in-1 ที่มี 2 ช่อง) และยังคงมีพอร์ต USB-C สำหรับการรับส่งข้อมูล 1 ช่อง ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ USB พร้อมกัน

สำหรับคนที่ต้องการการเชื่อมต่อที่หลากหลายและใช้งานกับการ์ดหน่วยความจำ SD และ microSD, รุ่น 9-in-1 อาจจะตอบโจทย์มากกว่า แต่ถ้าต้องการความสะดวกในการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลักๆ โดยไม่ต้องใช้ฟังก์ชันเพิ่มเติม รุ่น 6-in-1 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีและคุ้มค่ากับการใช้งานทั่วไป

ราคาและการวางจำหน่าย

TP-Link USB Type-C 6 in 1 Hub วางจำหน่ายในราคา 990 บาท และ TP-Link USB Type-C 9 in 1 Hub วางจำหน่ายในราคา 1,490 บาท สามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ ทาง Shopee และ Lazada

TP-Link USB Type-C 6 in 1 Hub

• Shopee : https://s.shopee.co.th/3q6X94o3Xk
• Lazada : https://s.lazada.co.th/s.sMMK5?cc

TP-Link USB Type-C 9 in 1 Hub

• Shopee : https://s.shopee.co.th/703YufZCUP
• Lazada : https://s.lazada.co.th/s.sMMSg?cc

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  Xiaomi 17 Ultra รุ่น Global โผล่ฐานข้อมูล FCC! ยืนยันมาแน่ พร้อม HyperOS 3 และกล้อง Periscope 200MP
• 
  รีวิว Xiaomi 15T Pro เรือธงสาย T ไม่ได้มีดีแค่ราคา

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่