แก็ดเจ็ต (Gadget) | วันที่ : 17 กรกฎาคม 2556
ปัจจุบันผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมทุกประเภทกำลังรับมือกับความท้าท้ายด้านการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาล ทั้งในรูปของข้อมูลแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากลูกค้าที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา โดยข้อมูลดังกล่าวมีรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ เสียง ข้อความ และการรับส่งข้อมูลบนเว็บ นอกจากนี้ ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมยังจะต้องจัดการกับข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นจากการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงปริมาณการใช้งานข้อมูลบนเครือข่ายที่มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งสร้างความยุ่งยากอย่างมากในการจัดการแบนด์วิดท์ของเครือข่าย รวมทั้งการจัดการข้อมูลโดยรวม

ปัญหาดังกล่าวได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อมีการผสานรวมการใช้บริการเนื้อหาและสื่อข้อมูลเต็มรูปแบบเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ท้าทายทางธุรกิจ ซึ่งนั่นทำให้ผู้ให้บริการต้องทราบให้ได้ว่าข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ถูกสร้างและส่งผ่านบนเครือข่ายของตนนั้นถูกใช้งานในลักษณะใด ด้วยเหตุนี้ ข้อมูลของลูกค้าจึงถูกนำไปวิเคราะห์เพิ่มขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าและควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับผู้ให้บริการในท้ายที่สุด
ความท้าทายและการขยายตัวของข้อมูล
รายงานล่าสุดของบริษัท อีริคสัน[1] ระบุว่าในปี 2563 จะมีการใช้อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต จำนวน 50,000 ล้านเครื่อง พร้อมๆ กับเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมด้านโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา นอกจากนี้ รายงาน TM Forum[2] ยังระบุอีกด้วยว่า อัตราการเติบโตของข้อมูลโดยเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 29% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตด้วยอัตราตัวเลขสองหลักในอนาคต จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีการใช้งานโทรศัพท์เกือบ 6,000 ล้านเครื่องทั่วโลก และกว่า 2,500 ล้านเครื่องถูกใช้งานอยู่ในภูมิภาคเอเชีย
การขยายตัวของข้อมูลที่กำลังเพิ่มมากขึ้นนั้น เป็นผลมาจากการย้ายเครือข่ายจากระบบ 2G ไปยัง 3G (และระบบที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่านั้น) ประกอบกับการลดราคาของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้คาดว่าปลายปี 2556 สมาร์ทโฟนจำนวนมากจะมีราคาไม่ถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ(ประมาณ 4,000 บาท) และสิ่งนี้เองจะเป็นตัวเร่ง ให้เกิดการย้ายไปใช้เครือข่าย 3G เร็วขึ้น อีกทั้งยังจะทำให้ปริมาณการใช้เครือข่ายมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ แนวโน้มของการพัฒนาประเทศให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการใช้ข้อมูลและอุปกรณ์มือถือสูงขึ้นกว่าเดิม จากรายงานของบริษัท อะนาไลซิส เมสัน[3] ระบุว่า ปริมาณการเชื่อมต่อระบบ 2G จะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในปี 2556 ด้วยจำนวนผู้ใช้บริการ 2,300 ล้านราย และจากนั้นก็จะลดจำนวนลงเรื่อยๆ เนื่องจากยอดสมาชิกของระบบ 3G จะเติบโตขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านรายในปี 2559 หรือคิดเป็น 41 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนซิมทั้งหมด (เพิ่มจากที่มีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ในปี 2551) โดยจะเห็นได้ว่าผู้ใช้ระบบ 3G ใหม่ได้เลือกซื้อบริการที่สามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ได้จากทุกที่ในแบบเรียลไทม์ผ่านอุปกรณ์ใดก็ได้ และเมื่อบริการเติบโต พร้อมๆ กับปริมาณการใช้งานข้อมูลบนเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น การจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) จะต้องคำนึงถึง 3 สิ่งต่อไปนี้:
(1) การวิเคราะห์เครือข่ายเพื่อจัดการกับประสิทธิภาพของแอพพลิเคชั่นที่ลดลงอันเป็นผลมาจากการการใช้งานเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นภายในแบนวิดท์ที่จำกัด
(2) กลยุทธ์ด้านการโยกย้ายข้อมูลอัตโนมัติและการจัดการข้อมูลให้มีการจัดเก็บแบบแบ่งระดับชั้นที่ดีกว่าเดิมเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดการข้อมูลทั้งหมด
(3) การจัดการวงจรชีวิตของเมตาดาต้าที่ดีขึ้นเพื่อให้สามารถจัดการกับเมตาดาต้าที่เกิดจากผู้ใช้ สร้างโดยแอพพลิเคชั่น และจากการติดต่อระหว่างอุปกรณ์ อันเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนของไฟล์ข้อมูลและแอพพลิเคชั่น
การขยายตัวของข้อมูลสร้างความท้าทายต่อการดำเนินงานของผู้ให้บริการอย่างมาก และเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลนี้ ผู้ให้บริการจึงจำเป็นต้องวางกลยุทธ์ที่รัดกุมเพื่อให้สามารถบันทึก ควบคุม และเข้าใจในข้อมูลดังกล่าว และจากการที่ข้อมูลจะต้องได้รับการจัดเก็บอย่างถาวร (เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัว เป็นต้น) ในสื่อจัดเก็บข้อมูลที่มีราคาแพง ได้ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ยากจะรับได้ในแง่ของธุรกิจ แม้ว่าปัจจุบันค่าใช้จ่ายของระบบจัดเก็บข้อมูลต่อกิกะไบต์จะลดลงเรื่อยๆ แต่อัตราการขยายตัวของข้อมูลสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ลดลงต่อหน่วยของระบบจัดเก็บข้อมูล นั่นหมายความว่าผู้ให้บริการจะต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นเพื่อจัดเก็บ สำรอง และจัดการกับข้อมูลดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ ผู้ให้บริการจำนวนมากจึงเริ่มให้ความสำคัญกับการจัดเตรียมโซลูชั่นและโครงสร้างพื้นฐานระบบจัดเก็บข้อมูลเพื่อสนับสนุนให้สามารถจัดการและใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนจัดการกับความท้าทายอันเนื่องมาจากการถาโถมของข้อมูลที่สร้างขึ้นโดยผู้ใช้และเครือข่ายได้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย

นอกจากการสร้างและการใช้กลยุทธ์เพื่อจัดการกับความท้าทายของข้อมูลขนาดใหญ่ในสภาพแวดล้อมด้านการสื่อสารโทรคมนาคมแล้ว ผู้ให้บริการยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการใช้สินทรัพย์ข้อมูลจำนวนมากของตนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า และการใช้ข้อมูลเพื่อผลักดันให้เกิดโอกาสในการสร้างรายได้
โอกาสของผู้ให้บริการ
การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพและการสร้างรายได้จากข้อมูลขนาดใหญ่ เกี่ยวข้องกับการสร้างแนวทางที่ครอบคลุม ทั้งการจัดเก็บ การบันทึก การค้นหา และการวิเคราะห์ข้อมูล แม้ว่าขณะนี้ ผู้ให้บริการจะดำเนินการเก็บรวบรวม (ในคลังข้อมูลขนาดใหญ่หลายแห่ง) และจัดเก็บข้อมูลอยู่แล้ว แต่การจัดระเบียบข้อมูลที่ครบวงจรและการวิเคราะห์ข้อมูลที่ครอบคลุมยังไม่สามารถทำได้ในระดับที่น่าพอใจ กล่าวคือพวกเขาจะต้องพัฒนาตัวเองจากผู้ให้บริการระบบจัดเก็บข้อมูลไปเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นให้ได้
สำหรับผู้ให้บริการแล้ว การรวมการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) เข้ากับระบบสนับสนุนธุรกิจ/การปฏิบัติงาน (Business/Operations Support Systems: BSS/OSS) กำลังเกิดการพัฒนาเข้าสู่การบริหารลูกค้าเชิงประสบการณ์ (Customer Experience Management: CEM) และการบริหารจัดการข้อมูลสมาชิก (Subscriber Data Management: SDM) โดย CEM และ SDM จะให้แอพพลิเคชั่นการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นจากเครือข่ายและสมาชิกที่สมัครใช้งาน รวมทั้งจัดเตรียมโซลูชั่นที่เน้นในด้านธุรกิจโดยเฉพาะ ขณะที่ CEM จะใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น บันทึกการสมัครใช้บริการ และข้อร้องเรียนจากลูกค้า ตลอดจนการวิเคราะห์ต่างๆ เพื่อตรวจสอบ ติดตาม และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าในทุกจุดบริการและภายในเครือข่าย
กลไกการเปลี่ยนแปลงของตลาดตระหนักถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้เป็นอย่างดี โดยรายงานของบริษัท อะนาไลซิส เมสัน ได้ตั้งข้อสังเกตว่า:
ขณะนี้ผู้ให้บริการกำลังเดินหน้าปรับปรุง CEM ของตนและเปลี่ยนไปใช้สถาปัตยกรรมที่ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งครอบคลุมถึง:
การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่
เพื่อเอาชนะความท้าทายด้านการดำเนินงานต่างๆ และเผยให้เห็นถึงมูลค่าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการจะต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที องค์ความรู้ด้านการจัดการระบบจัดเก็บข้อมูล และโมเดลธุรกิจ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานและโซลูชั่นที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ (เอชดีเอส) จะทำให้ผู้ให้บริการมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะสามารถจัดการกับความท้าทายด้านข้อมูลขนาดใหญ่ภายในเครือข่ายของตนได้
โซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของเอชดีเอสจะช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถดำเนินการได้ ดังต่อไปนี้:
สำหรับผู้ให้บริการที่ต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญในการดำเนินงานอันเนื่องมาจากข้อมูลขนาดใหญ่ของตน บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ สามารถจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยให้พวกเขาได้รับมูลค่าจากเนื้อหาได้มากขึ้นและสามารถนำเสนอบริการที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีกด้วย
การเติบโตอย่างมากของตลาดโทรคมนาคมทั่วโลกส่งผลให้ข้อมูลขนาดใหญ่กลายเป็นปัญหาที่ท้าทายอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อปรับใช้ความสามารถด้านการวิเคราะห์ขั้นสูงจากสถาปัตยกรรมที่ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลขนาดใหญ่แล้ว ผู้ให้บริการจะสามารถยืนอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าเดิมและสามารถสร้างรายได้จากการเติบโตของการสื่อสารที่เต็มไปด้วยข้อมูลในยุคนี้ได้
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.hitachi.co.th วันที่ : 17 กรกฎาคม 2556
รีวิว BMB Entry Level ตำนานเครื่องเสียงญี่ปุ่น ครบจบเรื่องคาราโอเกะ
realme Watch 5 สมาร์ตวอทช์ดีไซน์คุ้นๆ เหมือนค่ายผลไม้ แต่ราคาต่างกันราวฟ้ากับเหว
HUAWEI FreeBuds Pro 5 หูฟังไร้สาย TWS มาพร้อมชิป Kirin A3 รับรองเสียง Lossless สตีมมิ่ง 4.6Mbps
รีวิว ASUS V500MV พีซีไซส์เล็ก สเปค Core i5 Gen 13 ตอบโจทย์ออฟฟิศยุคใหม่
HONOR Watch Fit สมาร์ตวอทช์มินิมอล ดีไซย์บางเฉียบ ใช้งานได้นาน 23 วัน ราคาเบาๆ 2,999 บาท
HONOR Watch 5 Ultra วางขายในไทย สมาร์ตวอทช์ผลิตจากไทเทเนียม รองรับโหมด Freedive ลึก 40 เมตร
10 สมาร์ตโฟนที่คนค้นหามากที่สุดใน Siamphone อัปเดตเดือนพฤศจิกายน 2025
สมาร์ตโฟนรุ่นเล็กสเปคแรง สำหรับนักเรียน-นักศึกษา เริ่มต้นแค่ 3,000 บาท ประจำเดือนพฤศจิกายน 2025
5 สมาร์ตโฟนกล้องคุ้มเกินราคา ในงบไม่เกิน 15,000 บาท ประจำเดือนพฤศจิกายน 2025
moto G57 Power แบตเตอรี่อึด 7,000mAh พร้อมชิปฯ Snapdragon 6s Gen 4 รุ่นแรกของโลก
Redmi Note 15 Series หลุดทั้งภาพ และข้อมูลสเปคก่อนเปิดตัวแบบ Global21 ชั่วโมงที่แล้ว