นับถอยหลังเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 6 เดือน ก่อนที่ไมโครซอฟท์จะยุติ การให้บริการสนับสนุนระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 และ 2003 R2 ที่มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 11 ปี ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2558 นี้ เป็นต้นไป โดย ไมโครซอฟท์ ได้ออกมาแนะนำให้องค์กรต่างๆ ได้เตรียมการแต่เนิ่นๆ ในการอัพเดทระบบไปสู่ระบบเซิร์ฟเวอร์ที่ทันสมัย เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่ตามมา และเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานของอุตสาหกรรมไอที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรฐานการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเว็บไซต์ นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษาระบบที่ไม่ทันสมัย และเป็นการรองรับการใช้งานซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่เกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย

ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ จำเป็นต้องยุติการสนับสนุน Windows Server 2003 ด้วยเหตุผลทั้งในด้านการใช้งานและด้านเทคโนโลยี เนื่องจากเทคโนโลยีเป็นจำนวนมากได้มีการพัฒนาไปอย่างมากในช่วงระยะเวลา 11 ปี ที่ผ่านมา นับตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการ Windows Server 2003 นอกจากนี้ Windows Server 2003 ยังไม่สามารถมอบประสิทธิภาพการทำงานทั้งด้านความคล่องตัวและความสามารถในการปรับการใช้งานได้เทียบเท่ากับความต้องการของลูกค้าปัจจุบันเช่นกัน
ที่สำคัญ เพื่อให้เป็นการดำเนินตามกฏระเบียบข้อบังคับตามมาตรฐานสากล และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า เพื่อไม่ให้ระบบกลายเป็นเป้าในการถูกโจมตีโดยอาชญากรรมไซเบอร์ เนื่องจากช่องโหว่จากการใช้งานซอฟต์แวร์ที่สิ้นสุดอายุการใช้งาน นับว่ามีความเสี่ยงเป็นอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของระบบขององค์กร รวมถึงความเสียหายทางธุรกิจมากมายที่จะตามมา ตามกฏข้อบังคับด้านระบบไอทีมาตรฐานระดับโลกเกือบทุกแห่ง ต่างระบุ แต่ละองค์กรควรจะต้องดำเนินการที่จำเป็นเพื่อปกป้องข้อมูลและควบคุมบริหารจัดการระบบไอทีให้ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น มาตรฐานด้านความปลอดภัยระดับโลก อย่าง HIPAA (Health Insurance Portability and Accountability Act) หรือมาตรฐานความปลอดภัยว่าด้วยการทำธุรกรรมผ่านเว็บไซต์ หรือ PCI DSS (the Payment Card Industry (PCI) Data Security Standard (DSS) ซึ่งธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ต่างเป็นสมาชิก องค์กรจำเป็นต้องมีการดูแลให้ซอฟต์แวร์ได้รับการปกป้องจากการถูกโจมตี รวมถึงการคอยอัพเดทระบบรักษาความปลอดภัยให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ หากองค์กรใดไม่มีการอัพเดทก็จะถือว่าไม่ได้ปฏิบัติตามกฏข้อบังคับทันที หากพบว่าระบบมีช่องโหว่หรือมีจุดอ่อน ซึ่งง่ายต่อการถูกจารกรรมข้อมูล และก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจตามมามากมาย

การอัพเกรดจาก Windows Server 2003 สู่ระบบปฏิบัติการเซิร์ฟเวอร์ที่ทันสมัยและมีความปลอดภัยมากกว่าจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่เช่นนั้นแล้วองค์กรจะเผชิญกับความยากลำบาก ดังนี้
ไมโครซอฟท์จะไม่มีการพัฒนาหรือส่งการอัพเดตสำหรับผลิตภัณฑ์หลังจากสิ้นสุดการสนับสนุนอีกต่อไป ทั้งนี้เฉพาะในปี 2557 ปีเดียว ไมโครซอฟท์ได้ส่งอัพเดตสำคัญสำหรับ Windows Server 2003/R2 รวม 37 รายการ การใช้งานโดยปราศจากอัพเดตจะทำให้องค์กรต่างๆ เสี่ยงต่อการถูกจารกรรมข้อมูลหรือความเสียหายโดยที่ไม่ทราบได้
หลังสิ้นสุดการสนับสนุน องค์กรต่างๆ จะไม่สามารถผ่านข้อบังคับและกฏระเบียบด้านอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความสูญเสียต่อธุรกิจหรือส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นกว่าเดิมในการดำเนินธุรกิจ ทั้งในแง่ของค่าธรรมเนียมการดำเนินงานที่สูงขึ้นและค่าปรับต่างๆ
ค่าใช้จ่ายสำหรับการบริหารและดูแลรักษาเซิร์ฟเวอร์ที่เก่าล้าสมัยนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าซ่อมบำรุงสำหรับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์จะเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงองค์กรยังต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนของการติดตั้งใช้งานระบบตรวจจับการบุกรุกหรือระบบไฟร์วอลล์ที่ล้ำสมัยด้วย
ในปัจจุบันนี้ นอกจากตัวเลือกการอัพเกรดระบบปฏิบัติการเซิร์ฟเวอร์เป็นรุ่นที่ทันสมัย ยังมีทางเลือกการใช้บริการหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในตัวเลือกเหล่านั้นคือ การโอนย้ายระบบเซิร์ฟเวอร์และแอพพลิเคชันต่างๆ ไปบนระบบคลาวด์ ซึ่งลูกค้าสามารถบริหารจัดการเองได้ และมีความคุ้มค่าต่อการลงทุน เช่น ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ (Microsoft Azure) หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือ การลดภาระด้านการดูแลรักษาเซิร์ฟเวอร์และหันไปใช้บริการด้านซอฟต์แวร์แบบ SaaS (Software as a Service) เช่น ออฟฟิศ 365 (Office 365) เป็นต้น

นางสาวสุชาลักษณ์ สรณานุสรณ์ ผู้จัดการอาวุโส กลุ่มธุรกิจสินค้าคลาวด์และเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไมโครซอฟท์ มีความเป็นห่วงถึงผลกระทบทั้งด้านธุรกิจและชื่อเสียงขององค์กรที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย หากองค์กรยังไม่ได้มีการเตรียมการเพื่อที่จะย้ายไปสู่ระบบปฏิบัติการที่ทันสมัย ภายหลังการยุติการสนับสนุน วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 ในเดือนกรกฎาคม ปี 2558 สำหรับองค์กรที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วและความคุ้มค่าต่อการลงทุน สามารถย้ายแอพพลิเคชั่นและระบบงานต่างๆ ไปสู่ระบบคลาวด์แบบสาธารณะ หรือ Public Cloud โดย สามารถเลือกใช้งาน ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ แพลตฟอร์มคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมรองรับทุกการใช้งาน และช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้งานและจัดการแอพพลิเคชันได้จากทุกที่ทั่วโลก ผ่านทางเครือข่ายศูนย์ข้อมูลของไมโครซอฟท์ ผู้พัฒนาแอพสามารถสร้างสรรค์โปรแกรมโดยใช้ภาษาหรือเครื่องมือใดก็ได้บนอาชัวร์ และ ยังสามารถผนึกเอาแอพคลาวด์เหล่านี้เข้ากับระบบไอทีที่มีอยู่เดิมได้อีกด้วย”
“ผู้บริหารระดับ CIO ทุกท่านต่างต้องการมีรากฐานระบบไอทีที่ทันสมัย การใช้เทคโนโลยีคลาวด์ เพื่อให้องค์กรสามารถรองรับความต้องการในด้านแอพ การใช้งานอุปกรณ์พกพา และการวิเคราะห์ข้อมูล ทุกวันนี้ เทคโนโลยีได้กลายเป็นองค์ประกอบที่สำคัญจนขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่ทุกองค์กรจะเตรียมพร้อมก้าวสู่ยุค ‘mobile first, cloud first’ หลังการยุติการให้การสนับสนุนวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 และ 2003 R2 ภายใต้วิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ ที่มุ่งนำเสนอระบบคลาวด์ในรูปแบบที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า และมีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลสูง”

“ส่วนองค์กรที่ใช้งานเซิร์ฟเวอร์บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 เพื่อให้บริการด้านอีเมลและการติดต่อสื่อสาร สามารถเลือกใช้ออฟฟิศ 365 บริการคลาวด์เพื่อการสร้างสรรค์และประสานงานที่ครบครันด้วยแอพพลิเคชันออฟฟิศที่คุ้นเคย พร้อมด้วยบริการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Lync และ Skype สำหรับการสนทนาออนไลน์ Exchange Online สำหรับอีเมล OneDrive สำหรับการเก็บข้อมูลบนคลาวด์” นางสาวสุชาลักษณ์ กล่าวทิ้งท้าย
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโอนย้ายระบบ สามารถศึกษาได้ที่ http://migrationplanningassistant.azurewebsites.net/
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.microsoft.com วันที่ : 5 มกราคม 2558
HUAWEI FreeClip 2 หูฟังไร้สาย Clip-On เสียงดีขึ้น เบาขึ้น และคุยสายได้เนียนขึ้น
Samsung เปิดตัว 60W Power Adapter เตรียมการ Galaxy S26 Series และอุปกรณ์อื่นๆ ในปี 2026
รีวิว BMB Entry Level ตำนานเครื่องเสียงญี่ปุ่น ครบจบเรื่องคาราโอเกะ
realme Watch 5 สมาร์ตวอทช์ดีไซน์คุ้นๆ เหมือนค่ายผลไม้ แต่ราคาต่างกันราวฟ้ากับเหว
HUAWEI FreeBuds Pro 5 หูฟังไร้สาย TWS มาพร้อมชิป Kirin A3 รับรองเสียง Lossless สตีมมิ่ง 4.6Mbps
รีวิว ASUS V500MV พีซีไซส์เล็ก สเปค Core i5 Gen 13 ตอบโจทย์ออฟฟิศยุคใหม่
หลุดสเปค Redmi Note 16 Pro+ จัดเต็มกล้อง 200MP แบตฯ 7,500mAh เตรียมท้าชน Realme 16 Series ปีหน้า
หลุดสเปค vivo X300 Ultra แบตฯ อึด 7,000mAh พร้อมกล้องคู่ 200MP จ่อเปิดตัว Q1 2026
Nothing เปิดตัว Phone (3a) Community Edition สมาร์ตโฟนที่ออกแบบโดยคอมมูนิตี้ผู้ใช้งานจริง
OnePlus Ace 6T เคาะวันเปิดตัว! ประเดิมชิปฯ Snapdragon 8 Gen 5 รุ่นแรกของโลก
Nubia Fold สมาร์ตโฟนจอพับ ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite กล้องหลัง 3 ตัว 50MP