สมาร์ทโฟน (Smartphone) | วันที่ : 26 เมษายน 2559

ในปัจจุบันสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด เริ่มเป็นที่นิยมจากผู้ใช้งานในบ้านเราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากช่วยเพิ่มช่องทางในการติดต่อหรือเพิ่มทางเลือกในการใช้งานเครือข่ายให้กับผู้ใช้งานได้ และในปัจจุบันความต้องการในการใช้งานระบบ 2 ซิมการ์ดของผู้ใช้งาน ก็เริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น ทำให้หลายคนเริ่มกำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดในรูปแบบ Dual Active (DSDA) หรือความสามารถในการใช้งานเครือข่ายได้พร้อมกันทั้งสองซิมมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ซึ่งตอนนี้ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Full NetCom ขึ้นมาถึงเวอร์ชั่น 3.0 แล้ว ซึ่งเทคโนโลยีตัวนี้คือตัวช่วยที่จะมาช่วยยกระดับการใช้งานสมาร์ทโฟนสองซิมการ์ดไปอีกขั้น รวมไปถึงน่าจะกลายเป็นเทรนใหม่ที่หลายค่ายสมาร์ทโฟนน่าจะเริ่มนำไปใช้งานกัน ดังนั้นเราไปรู้จักเทคโนโลยี Full NetCom ผ่านบทความนี้กัน

Full NetCom เป็นเทคโนโลยีการใช้งานซิมการ์ดบนสมาร์ทโฟน ที่ได้มีการพัฒนาขึ้นมาถึง 3 เวอร์ชั่นแล้ว โดยแต่ละเวอร์ชั่นมีคุณสมบัติการใช้งาน ดังนี้
Full NetCom 1.0 เป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้งานในยุคเริ่มต้นของสมาร์ทโฟน 2 ซิม โดยผู้ใช้งานต้องเลือกใส่ซิมการ์ดที่ต้องการจะใช้งานด้วยตนเอง ซึ่งซิมการ์ดช่องแรกจะสามารถใช้งานดาต้า (3G/4G LTE) ได้ตามปกติ แต่ในช่องซิมการ์ด 2 จะใช้งานได้แค่โทรออก-รับสาย (2G) เท่านั้น

Full NetCom 2.0 เป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนาต่อยอดขึ้นมา ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกสลับการใช้งานดาต้า (3G/4G LTE) กับ 2G ระหว่างซิมการ์ด 1 กับ ซิมการ์ด 2 ได้ตามต้องการ โดยที่ไม่ต้องถอดซิมการ์ดออกจากตัวเครื่องสลับไปมาให้ลำบากเหมือนในเวอร์ชั่นแรก

Full NetCom 3.0 เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่ทาง Xiaomi ได้เริ่มนำมาใช้งานอย่างจริงจังบน Mi5 ซึ่งเกิดจากการร่วมมือระหว่าง Xiaomi กับผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ในประเทศจีน 3 ราย ได้แก่ China mobile, China Union และ China Telecom โดยในเวอร์ชั่นนี้จะรองรับการทำงานของซิมการ์ดแบบ DSDA หรือ Dual SIM Dual Active ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานเครือข่ายพร้อมกันได้ทั้งสองซิมการ์ด เพียงแต่ซิมการ์ดที่สองจะรองรับการใช้งานได้สูงสุดที่ 3G และเป็นการใช้งานในรูปแบบการโทร VoIP เท่านั้น ในขณะที่ซิมการ์ดแรกสามารถใช้งานได้ทั้ง Voice และ Data ตามปกติทั่วไป โดยที่เวอร์ชั่น 2.0 กับ 3.0 จะแตกต่างกันตรงที่เวอร์ชั่น 2.0 ซิมการ์ดที่สองจะสามารถใช้งานได้แค่ในรูปแบบ 2G VoIP เท่านั้น ในขณะที่เวอร์ชั่น 3.0 จะรองรับการใช้งาน 3G VoIP ได้

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะเริ่มเข้าใจในความสามารถของ Full Netcom กันบ้างแล้ว ซึ่งในอนาคตข้างหน้านี้ เชื่อว่าผู้ผลิตหลายๆ ค่ายน่าจะเริ่มนำมาใช้งานบนสมาร์ทโฟนของตนเองกันมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่ขอย้ำกันอีกครั้งว่า อย่าเข้าใจผิดว่า Full NetCom 3.0 จะช่วยให้ซิมที่ 2 ใช้งานดาต้าได้พร้อมกับซิมแรก เพียงแต่สามารถทำให้ใช้งานได้แค่การโทรออกในรูปแบบ VoIP (Voice over Internet Protocal) ผ่านเครือข่าย 3G ได้เท่านั้น แต่ใช้เน็ตทีเดียวพร้อมกัน 2 ซิมไม่ได้
ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม : Pantip
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.xiaomidevice.com วันที่ : 26 เมษายน 2559
Samsung Galaxy A07 5G โผล่ทดสอบ Geekbench! ใช้ชิปเซ็ต Dimensity 6300 พร้อมรัน Android 16 ตั้งแต่แ...
OPPO Reno 15c สมาร์ตโฟนชิปเซ็ต Snapdragon 7 Gen 4 กล้องหลัง 3 ตัว Sony LYT-600
Xiaomi 17 Ultra รุ่น Global โผล่ฐานข้อมูล FCC! ยืนยันมาแน่ พร้อม HyperOS 3 และกล้อง Periscope 200MP
Samsung เปิดตัว 60W Power Adapter เตรียมการ Galaxy S26 Series และอุปกรณ์อื่นๆ ในปี 2026
realme เปิดแคมเปญส่งท้ายปี real Festive Deals – Year End Sale จัดโปรแรงส่งท้ายปี
OPPO Find X9 Pro เรือธงกล้องเทพ Hasselblad ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9500 ความสว่างหน้าจอ 3600ni...
HONOR X9d 5G สมาร์ตโฟนสุดทน พร้อมรับแรงกระแทกทั่วไทย ในราคาหมื่นต้นๆ
Redmi Note 15 Series หลุดทั้งภาพ และข้อมูลสเปคก่อนเปิดตัวแบบ Global
Samsung เปิดตัว 60W Power Adapter เตรียมการ Galaxy S26 Series และอุปกรณ์อื่นๆ ในปี 2026
realme C85 Series 5G ลุยได้ทุกจังหวะชีวิตด้วยแบต 7000mAh ราคาเริ่มต้น 5,xxx