Xiaomi ส่ง Poco F1 บุกตลาดอินเดีย เปลี่ยนนิยามสมาร์ทโฟนสเปกระดับท็อป ราคาไม่จำเป็นต้องแพง

Xiaomi เป็นหนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในอินเดีย เมื่อวานผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจีนรายนี้ได้เปิดตัวแบรนด์ย่อย Pocophone หรือ Poco โดย Poco F1 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของแบรนด์นี้ ซึ่งปกติแล้วจะมีแต่ข่าวเปิดตัวเหมือนกับรุ่นอื่นทั่วไป แต่การมาของ Poco F1 ก็ได้สร้างแรงกระเพื่อมเล็ก ๆ ที่น่าสนใจให้กับตลาด จึงนำบทสัมภาษณ์ Jai Mani หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi สาขาอินเดียมาเสริม

Poco F1 ไม่ได้เป็นอุปกรณ์ที่สร้างจากแรงบันดาลใจใหม่หรืออะไรทำนองนั้น ไม่สามารถนำไปเทียบกับการเปิดตัวรุ่นท็อปค่ายดังในตลาดอย่าง Apple iPhone หรือ Samsung Galaxy แต่ Pocophone มาพร้อมกับปรัชญาเรื่องความคุ้มค่าในตัวสมาร์ทโฟนรุ่นท็อป ด้วยราคาเปิดตัวที่ต่ำกว่าคู่แข่งรุ่นท็อปที่โดดเด่นในเรื่องของราคาอย่าง OnePlus 6 ที่แม้ว่าสุดท้ายแล้วราคาจำหน่ายของอุปกรณ์จะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค แต่ในประเทศอินเดีย Poco F1 มีราคาเริ่มต้นที่ 20999 รูปี (ประมาณ 9,840 บาท) ทำให้ Poco F1 เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนขุมพลังชิปเซ็ต Snapdragon 845 ที่มีราคาถูกที่สุดในเวลานี้

บริษัทอื่นอย่าง OnePlus ประสบความสำเร็จในการนำเสนอประสิทธิภาพระดับพรีเมี่ยมในงบประมาณที่ไม่แพง แต่แนวทางของ Pocophone ได้มองไปไกลกว่านั้นอีกก้าว สำหรับแบรนด์ที่เพิ่งเริ่มต้นตั้งตัวใหม่มันไม่ใช่แค่เรื่องของการทำผลทดสอบประสิทธิภาพให้ออกมาสูงที่สุด แต่มันคือการหลอมรวมองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ผู้คนให้ความสนใจเข้าด้วยกัน

"ผมเคยเห็นคอมเมนต์ของผู้คนในโซเชียลมีเดียและตามหน้าข่าว" Jai Mani เผยกับสื่อ Engadget "พวกเขาชอบบอกว่า เฮ้ย! ฉันอยากให้ผู้ผลิตทำสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิป Snapdragon 845 มีแบตเยอะ ๆ และไม่เอากระจก (หมายถึงกระจกครอบด้านหลังเครื่อง)" ต่อมาก็มีคนตอบความคิดเห็นนั้นกลับว่า "เฮ้ย เรามันพวกรู้เยอะ ไม่มีผู้ผลิตหน้าไหนที่จะทำแบบนั้นให้เราหรอก เพราะเสียงของเรามันไปไม่ถึงหูพวกเค้า"

ช่องว่างตรงนี้ได้เกิดขึ้นขณะที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่มีภาพลักษณ์และชื่อเสียงที่ต้องรักษา แต่พวกเขาสามารถสร้างแบรนด์ใหม่แยกออกมาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาพะวงกับเรื่องยิบย่อยเหล่านี้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Pocophone จาก Xiaomi โดยนอกจากชิปเซ็ต Snapdragon 845 แล้ว Poco F1 ยังอัดแน่นมาด้วยพื้นที่เก็บข้อมูลเริ่มต้น RAM 6GB + ROM 64GB และในเวอร์ชั่นสูงสุดสามารถอัปเกรดเป็น RAM 8GB + ROM 256GB ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นไหนก็จะได้ใช้งานจอ LCD display ขนาด 6.18 นิ้ว ความละเอียด FullHD+ อัตราส่วนภาพ 18.7 : 9 มีสแกนลายนิ้วมือด้านหลังที่ปลดล็อคได้รวดเร็ว กล้องหน้า 20MP และที่สำคัญก็คือแบตเตอรี่ความจุถึง 4000mAh

การตัดสินใจของ Pocophone ที่ต้องการให้แบตเตอรี่มีความจุมากขึ้นหมายถึง Poco F1 จะเป็นรุ่นที่มีขนาดหนากว่าและมีดีไซน์ "เชย" กว่ารุ่นท็อปที่มีสเปกใกล้เคียงกัน แต่มันก็แลกมาด้วยระยะเวลาในการใช้งานที่เพิ่มขึ้น สามารถเปิดใช้งานหน้าจอต่อเนื่องได้นาน 7 ชั่วโมง อยู่ได้นาน 1.5 หรือ 2 วัน หากใช้งานปกติทั่วไป ทั้งหมดนี้มันคือการสื่อว่า Poco F1 มีอะไรน่าสนใจมากกว่าเรื่องของราคาถูก

เห็นได้ชัดว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ "ไม่หล่อ" จากดีไซน์ภายนอกที่ไม่มีการตัดเส้นและเน้นกระจกเป็นหลักเหมือนกับรุ่นท็อปค่ายอื่นที่มีสเปกใกล้เคียงกัน มีเพียงฝาหลังแบบโพลีคาร์บอเนต (หรือเคฟลาร์ในรุ่นพิเศษ) ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเหตุผลในเรื่องของการลดค่าใช้จ่าย แต่ความ "ไม่หล่อ" นี้ก็มีจุดแข็งอย่างอื่นมาแทนนั่นคือ "ทรงพลัง"

จุดศูนย์รวมของ Poco F1 คือการเป็นสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูงอย่างสมเหตุสมผล มีการจัดวางเซ็นเซอร์อินฟราเรดและกล้องหน้าไว้บริเวณรอยบากเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถปลดล็อคได้แม้อยู่ในที่มืด มีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว (liquid cooling system) ช่วยระบายความร้อนออกจากชิป Snapdragon 845 เพื่อให้ทำงานอย่างราบรื่นและต่อเนื่อง

Jai Mani เผยว่าลูกค้าในอินเดียจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้ใช้งาน Poco F1 โดยยืนยันว่าทางบริษัทมีแผนมุ่งหน้าเข้าไปทำตลาดยุโรปซึ่ง Xiaomi ได้ปูพรมเปิดทางนำไปก่อนแล้วและในขณะนี้ยังไม่มีแผนจะนำไปทำตลาดในอเมริกาแต่ในอนาคตยังไม่แน่

"ผมคิดว่าถ้าเราได้กระแสตอบรับที่ดีกลับมา บางทีอุปกรณ์รุ่นต่อไปเราอาจจะเล็งเป้าหมายมาที่ตลาดอเมริกาอย่างชัดเจนมากขึ้น " Jai Mani กล่าว

สำหรับ Poco F1 พบรายชื่อปรากฏอยู่ในระบบตรวจสอบเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานของ กสทช. แล้ว ดังนั้นสำหรับใครที่เล็งรุ่นนี้อยู่ก็รอลุ้นกันได้

เปิดตัว Pocophone F1 สมาร์ทโฟนตัวแรงด้วย Snapdragon 845 มีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แถมราคาไม่ถึงหมื่น!!

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  Xiaomi 16 Series ผ่านการรับรองแล้ว ยืนยัน 3 รุ่นรวด จัดเต็มชาร์จไว 100W ทุกโมเดล
• 
  รีวิว Xiaomi 15T Pro เรือธงสาย T ไม่ได้มีดีแค่ราคา

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่