หุ่นยนต์ (Robot) | วันที่ : 2 กรกฎาคม 2568
โลกนิยายวิทยาศาสตร์ได้กลายเป็นความจริงอีกครั้ง เมื่อสถาบันเทคโนโลยีแห่งอิตาลี (Italian Institute of Technology - IIT) ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการสาธิตการบินครั้งแรกของ iRonCub3 หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เจ็ตตัวแรกของโลก ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อปฏิบัติการในสภาพแวดล้อมจริงโดยเฉพาะ

บินได้จริง แต่เบื้องหลังคือความท้าทายสุดขั้ว
หลังจากการวิจัยและพัฒนาอย่างเข้มข้นนานกว่า 2 ปี ในที่สุด iRonCub3 ก็สามารถทะยานขึ้นจากพื้นได้สูงประมาณ 50 เซนติเมตร พร้อมทั้งรักษาการทรงตัวได้อย่างมั่นคง ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่ต้องเอาชนะความท้าทายทางวิศวกรรมมากมาย

iRonCub3 คือการต่อยอดจากหุ่นยนต์ต้นแบบ iCub3 โดยติดตั้งเครื่องยนต์เจ็ตทั้งหมด 4 ตัว (สองตัวที่แขน และสองตัวที่เจ็ตแพ็คด้านหลัง) เพื่อรองรับขุมพลังมหาศาลนี้ ทีมนักวิจัยจำเป็นต้องดัดแปลงฮาร์ดแวร์ครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง กระดูกสันหลังใหม่จากไทเทเนียม และการเพิ่ม เกราะกันความร้อน เพื่อป้องกันไอพ่นที่มีอุณหภูมิสูงถึง 800 องศาเซลเซียส

ตัวหุ่นยนต์พร้อมเครื่องยนต์เจ็ตมีน้ำหนักรวมประมาณ 70 กิโลกรัม ในขณะที่เครื่องยนต์สามารถสร้างแรงขับได้สูงสุดมากกว่า 1,000 นิวตัน ทำให้มันสามารถลอยตัวและควบคุมการบินได้แม้ในสภาวะที่มีลมหรือความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อม
ทำไมการทำให้หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์บินจึงยากกว่าโดรน?
คุณ Daniele Pucci หัวหน้าโครงการอธิบายว่า "งานวิจัยนี้แตกต่างจากวิทยาการหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์แบบดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง"
สิ่งที่ทำให้ iRonCub3 ท้าทายอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่การติดตั้งเครื่องยนต์เจ็ต แต่คือการควบคุมหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ให้บินได้ ซึ่งแตกต่างจากโดรนทั่วไปที่มีโครงสร้างสมมาตรและกะทัดรัด แต่ iRonCub3 มีรูปร่างที่ยาว มีการกระจายมวลไปยังแขนขาที่เคลื่อนไหวได้ และมีจุดศูนย์ถ่วงที่ไม่คงที่ การขยับแขนหรือขาเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลต่ออากาศพลศาสตร์ทั้งหมดแบบเรียลไทม์ ซึ่งทีมวิจัยต้องพัฒนาระบบควบคุมขั้นสูงที่สามารถจัดการได้ทั้งการเคลื่อนไหวของข้อต่อที่ค่อนข้างช้าและกังหันเจ็ตที่รวดเร็วไปพร้อมๆ กัน

ความสำเร็จของ iRonCub3 ไม่ใช่แค่การทำให้หุ่นยนต์บินได้ แต่มันคือการสร้างเครื่องมือ ที่มีศักยภาพในการทำงานในโลกที่ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่เดิน, ปีนป่าย และตอนนี้สามารถบินได้ จะเป็นกุญแจสำคัญในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ภัยพิบัติหรือสภาพแวดล้อมสุดขั้วที่มนุษย์หรือโดรนเข้าถึงได้ยาก นี่คือต้นแบบของหน่วยกู้ภัยแห่งอนาคตอย่างแท้จริง
ความร่วมมือระดับโลกเพื่อไขปริศนาการบิน
ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากทีมเดียว แต่เป็นความร่วมมือของนักวิทยาการหุ่นยนต์จากหลายสถาบันชั้นนำ

เป้าหมายของทีมวิจัยคือการผลักดันขอบเขตของหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้หลายรูปแบบ (Multi-modal) ทั้งการเดินบนพื้นดินและการเคลื่อนที่ทางอากาศ เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ไร้โครงสร้างและสุดขั้วได้
ความสำเร็จของ iRonCub3 ในวันนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงอนาคตของหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานเคียงข้างมนุษย์ในสถานการณ์ที่อันตรายและซับซ้อนที่สุดได้
แหล่งที่มา techxplore
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 2 กรกฎาคม 2568
VST ECS – Thailand จับมือ Belkin ผนึกกำลัง Power Mall เปิดตัว ‘Festive Box Set’ ชุดของขวัญสุดพรีเ...
OPPO Find X9 Pro เรือธงกล้องเทพ Hasselblad ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9500 ความสว่างหน้าจอ 3600ni...
Samsung Galaxy Watch Ultra 2 อาจเปิดตัวพร้อม Galaxy Watch 9 ในช่วงฤดูร้อนปีหน้า ชูจุดเด่นแบตเตอรี...
รีวิว TCL 60NXTPAPER สัมผัสความต่างของจอกระดาษ นวัตกรรมเพื่อดวงตาที่มาพร้อมความคุ้มค่า ในงบ 5,999...
หลุดสเปค Redmi Note 16 Pro+ จัดเต็มกล้อง 200MP แบตฯ 7,500mAh เตรียมท้าชน Realme 16 Series ปีหน้า
Nothing Phone (3a) Lite เริ่มวางขายในไทย ชิปเซ็ต Dimensity 7300 Pro หน้าจอ AMOLED รีเฟรช 120Hz
iQOO 15 ส่งความแรงถึงไทย สมาร์ตโฟนชิปกราฟฟิกแยก Q3 ประสบการณ์ภาพแบบคอนโซล
Samsung เปิดตัว 60W Power Adapter เตรียมการ Galaxy S26 Series และอุปกรณ์อื่นๆ ในปี 2026
realme Watch 5 สมาร์ตวอทช์ดีไซน์คุ้นๆ เหมือนค่ายผลไม้ แต่ราคาต่างกันราวฟ้ากับเหว