Fitbit Charge 4 กับสโลแกน "สมาร์ทวอทช์ พันธุ์อึด ฟังก์ชั่นเทพ เอาอยู่ทุกไลฟ์สไตล์" มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงามและฟีเจอร์การใช้งานที่ไม่ธรรมดา เป็นอุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพ และออกกำลังกาย โดยในรุ่นนี้ยังเพิ่ม GPS เข้ามาในตัวเครื่องด้วย ซึ่งทำให้สามารถติดตาม การวิ่ง, การปั่นจักรยาน และยังสามารถใช้งานนอกสถานที่ โดยที่ไม่ต้องพกโทรศัพท์มือถือติดตัว

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design
Fitbit Charge 4 ตัวเครื่องที่ได้มารีวิวนั้นเป็นตัวเรือนสีดำ มีขนาดรอบตัวเรือนที่ 35.8 x 22.7 x 12.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 26 กรัม

ด้านหน้า ส่วนของตัวหน้าปัด เป็นหน้าจอทัชสกรีน แบบ OLED

ด้านขวา และ ด้านซ้ายของตัวเรือนมีปุ่มกดที่เป็นแบบซ่อนไว้ในตัวเครื่อง ให้ความรู้สึกเรียบเนียน เพื่อใช้สั่งการทำงานต่างๆ


ด้านหลังตัวเรือน บริเวณตรงกลางเป็นที่สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และด้านล่างเป็นพอร์ทสำหรับเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่

ตัวสายที่ได้มารีวิวนั้นเป็นสายแบบซิลิโคน ที่บริเวณตัวล็อกสายนั้นเป็นสีดำด้าน สามารถถอดเปลี่ยนสายได้โดยการปลดสลักบริเวณส่วนฐานของสาย (ส่วนที่ติดกับตัวเรือนนาฬิกา)



สเปคทั้งหมดของ Fitbit Charge 4
- ขนาดรอบตัวเรือน 35.8 x 22.7 x 12.5 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 26 กรัม
- หน้าจอสี OLED ระบบสัมผัส ครอบทับด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass 3
- กันน้ำได้ลึกสูงสุด 50 เมตร
- ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่ 0-100% เต็มภายใน 2 ชั่วโมง
- ใช้งานต่อเนื่องในโหมดสมาร์ทวอทช์ได้นานสูงสุดถึง 7 วัน

อุปกรณ์ภายในกล่อง Fitbit Charge 4

วิธีการเชื่อมต่อ Fitbit Charge 4 กับสมาร์ทโฟน
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Fitbit: Health & Fitness ใน Play Store หรือ App Store
- ชาร์จแบตเตอรี่ให้เรียบร้อยและเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ พร้อมเปิดบลูทูธบนโทรศัพท์ให้เรียบร้อย
- เปิดแอปพลิเคชั่น ทำการลงทะเบียนให้เรียบร้อย ตัวแอปฯ จะให้เราเพิ่มอุปกรณ์
- นำ Fitbit Charge 4 เข้าใกล้สมาร์ทโฟน กดค้นหาบนแอปพลิเคชั่น โดยแอปฯ จะใช้เวลาในการสแกนสักครู่
- เมื่อหน้าจอแสดงผลเป็นอุปกรณ์ของเราแล้วนั้น ให้กด Join Fitbit เพื่อเชื่อมต่อ
- ตัวแอปฯ จะใช้เวลาในการตั้งค่าอุปกรณ์สักครู่หนึ่ง และจะขึ้นเครื่องหมายถูกเมื่อเชื่อมต่อสำเร็จ
- หลังจากเชื่อมต่อสำเร็จ ตัวแอปฯ จะให้เราตั้งค่าข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ซึ่งเราจะตั้งค่าเองหรือกดข้ามก็ได้ (แนะนำให้ตั้งค่าเอง)
- เมื่อเสร็จในส่วนของการตั้งค่าส่วนตัวนั้น แอปฯ ก็จะแนะนำการใช้งานตัวนาฬิกาเบื้องต้น หลังจากแนะนำเสร็จแล้ว การตั้งค่าและเชื่อมต่อถือว่าเสร็จสมบูรณ์ พร้อมใช้งาน Fitbit Charge 4 ได้ทันที
- Fitbit Charge 4 สามารถรองรับ Android 7.0 และ iOS iPhone 5s ขึ้นไปเท่านั้น






การควบคุมตัวเครื่อง Fitbit Charge 4 เบื้องต้น
- TOUCH SCREEN ONLY 100% เพียงแค่เลื่อน สัมผัส, ขึ้น-ลง, ซ้าย-ขวา ก็ทำให้คุณ ควบคุม Fitbit Charge 4 อย่างได้ง่ายๆ
- เลื่อนจากขอบบนสุดหน้าจอ เพื่อดูการแจ้งเตือนของแอพพลิเคชั่นต่างๆ
- กดปุ่ม ด้านข้างซ้ายค้าง 3 วิ เพื่อจ่ายเงินผ่านแอพได้สบายๆ แล้วสแกนรหัส ผ่านนาฬิกา Fitbit Charge 4 ที่เคาเตอร์ชำระเงิน




จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features
หน้าจอสีสันสวย สว่าง ดีไซน์เฉียบ
Fitbit Charge 4 มาพร้อมกับหน้าจอแบบ OLED ที่ให้สีสันสดใส รายละเอียดที่ดี ความสว่างที่มากกว่าจอประเภทอื่น และภาพที่ปรากฏบนหน้าปัดนั้นถือว่าสวยงามและคมชัดมากเลยทีเดียว นอกจากนั้นจอยังใช้ในที่กลางแจ้งได้ดีมาก

ดีไซน์สวย เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์
Fitbit Charge 4 ออกแบบตัวเครื่องดีไซน์ ได้สวยหรูมากขึ้น เลือกเปลี่ยนสายได้ดั่งใจ วัสดุแข็งแรง มั่นใจทุกสัดส่วน สายลุย หรือ สายชิว เอาอยู่ทุกไลฟ์สไตล์ หน้าจอขนาดใหญ่แสดงผลแบบขาวดำ OLED และ ครอบทับด้วย Gorilla Glass 3 เมื่อใส่ใช้งาน ใครมองระยะไกล ก็ดูรู้ว่า "กำลังใส่นาฬิกา ค่าย Fitbit"

ใช้งานได้ยาวนานถึง 7 วัน
Fitbit Charge 4 สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 7 วันสำหรับการใช้งานแบบสมาร์ทวอทช์ ซึ่งจากการใช้งานโดยทั่วไป 1 วัน พบว่าแบตเตอรี่ลดมาประมาณ 17% เท่านั้น ทำให้ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะต้องชาร์จแบตเตอรี่บ่อยๆ เพราะชาร์จครั้งเดียวใช้ได้ยาวหลายวัน

จุดเด่นที่น่าสนใจอื่นๆ
ฟังก์ชั่นสุดเทพ ใช้งานง่ายเวอร์
- Built-in GPS สามารถ ช่วยแทร็กระยะทางและความเร็วของการเดินแบบ real-time ได้โดยไม่ต้องพกโทรศัพท์ออกไป ผู้ใช้สามารถซิงค์อุปกรณ์เข้ากับแอปพลิเคชันฟิตบิท เพื่อวัดค่าการใช้งานในระบบ GPS-powered heat map สำหรับตรวจสอบความหนักเบาของการออกกำลังกาย ได้ด้วย
- Active Zone Minutes ฟิตบิทตัวแรกที่มีฟังค์ชันนี้!!! Active Zone Minutes จะช่วยวัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่านระบบ PurePulse® 24/7 ของฟิตบิท พร้อมกับระบบเตือนแบบ real-time ขณะออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถประเมินว่าควรเพิ่มหรือลดความหนักจากกิจกรรมที่ทำอยู่
- Smart Wake และ Sleep Score ดูแลการนอนหลับให้มีคุณภาพ โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าสำหรับตรวจสอบได้ผ่าน Charge 4 ที่ข้อมือ
- SpO2 Sensor ทำให้ผู้ได้อ่านกราฟ ระดับออกซิเจนในเลือด จากแอปพลิเคชันของฟิตบิท เพื่อประเมินความเข้มข้นของค่าออกซิเจนในเลือด ซึ่งจะช่วยในการประเมินผลการหายใจในช่วงนอนหลับได้
- NOTIFICATION ระบบรองรับการแจ้งเตือนครอบคลุมเกือบทุกแอพ ประมวลผลได้ค่อนข้างเร็ว (รองรับแค่ภาษาอังกฤษ)
- Blood oxygen วัดระดับออกซิเจนในเลือด ได้แบบ Real-time
- SPOTIFY ควบคุมเสียงเพลงได้ดั่งใจ เพียงแค่สัมผัส โลกก็เปลี่ยน
- Fitbit Pay จ่ายเงินผ่าน Credit card ได้ง่ายๆ ณ ตอนนี้รองรับ 4 ธนาคาร ได้แก่ ธ.ไทยพาณิชย์, ธ.กรุงเทพ, ธ.กสิกร, ธ.กรุงไทย
- COVID-19 TAB ในช่วงนี้ Fibit อัพเดทโหมดนี้เพิ่มเข้ามาเพื่อ แจ้งเตือนให้ผู้ใช้งาน ออกกำลังกาย ในบ้าน และ พักผ่อนให้เพียงพอ






ถือว่าโดยภาพรวมนั้น Fitbit Charge 4 ดีไซน์ออกแบบมาได้ สวย หรู ทันสมัย ไม่เหมือนใคร ส่วนการใช้งานในฟังก์ชั่นต่างๆ ในฟังก์ชั่นเพื่อสุขภาพทั้งหมดที่เป็นจุดเด่นของสมาร์ทวอทช์จาก Fitbit โดยตอนนี้ รุ่นธรรมดา วางจำหน่ายอยู่ที่ราคา 6,490 บาท และรุ่น SE วางจำหน่ายอยู่ที่ราคา 6,990 บาท