Moto 360 Gen 2 สมาร์ทวอทซ์รุ่นที่ 2 จาก Moto หน้าปัดทรงกลมขนาด 1.56 นิ้ว รองรับการใช้งานร่วมกับ Android OS และ iOS

Moto 360 Gen 2 สมาร์ทวอทซ์รุ่นล่าสุดจาก Moto ที่เรียกได้ว่ากลับมาสานต่อกับกระแสความสำเร็จของรุ่นแรก โดยครั้งนี้กลับมาพร้อมการปรับปรุงรายละเอียดในด้านการออกแบบ รวมไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งานส่วนต่างๆ ให้ดูลงตัวมากขึ้น

 

การออกแบบ

ด้านหน้าของตัวเรือน มีหน้าจอแสดงผล Blacklist LCD แบบสัมผัสทรงกลม ขนาด 1.56 นิ้ว ความละเอียด 320 x 290 พิกเซล (205ppi) ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3 โดยเป็นนาฬิกาสมาร์ทวอทซ์รุ่นเดียวในตอนนี้ที่ให้พื้นที่การใช้งานของหน้าจอแสดงผลมากที่สุด

 

ด้านข้างของตัวเรือนมีปุ่มกด (เม็ดมะยม) เปิด-ปิด/พักหน้าจอตัวนาฬิกา พร้อมสลักโลโก้ Moto และไมค์สำหรับสนทนา ส่วนตัวเรือนทั้งหมดทำมาจากอลูมิเนียม

 

มากันที่ด้านหลังของตัวเรือน มีเซ็นเซอร์ Heart Rate และเซ็นเซอร์ตรวจจับการเดิน

 

ในขณะที่ตัวสายนาฬิกา ยังคงใช้วัสดุเป็นหนัง (Leather) จากผู้ผลิตชื่อดังนามว่า Horween เหมือนเช่นเคย และสามารถปรับระดับการสวมใส่ได้ด้วยตะขอปรับระดับ

 

อุปกรณ์ภายในกล่อง

• Moto 360 Gen 2
• Docking Charge
• สายชาร์จ MicroUSB พร้อมอแดปเตอร์
• คู่มือการรับประกัน - เริ่มต้นใช้งาน

 

ก่อนเริ่มต้นใช้งาน

ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้งาน Moto360 Gen2 นั้น จำเป็นต้องทำการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Android Wear และ Connect ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับปรับแต่งรูปแบบการแสดงผลของ Moto360 โดยตรงจาก Google Play Store มาลงเครื่องไว้ก่อน

  

 

สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลของ Moto 360 Gen 2 ด้วยแอพพลิเคชั่น Connect ได้ตามต้องการ

 

เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ก็ทำการเชื่อมต่อ Moto 360 Gen 2 เข้ากับสมาร์ทโฟนผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth ด้วยแอพพลิเคชั่นตัวไหนก็ได้

  

สำหรับสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งานร่วมกับ Moto 360 Gen 2 นั้น ต้องเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อม Android OS เวอร์ชั่น 4.3 ขึ้นไป หรือ iOS เวอร์ชั่น 8.2 ขึ้นไปเท่านั้น

รูปแบบการแสดงผล

Moto 360 Gen 2 ยังคงมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android Wear ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ Android บนอุปกรณ์สวมใส่จาก Google เหมือนเช่นเดิม

 

หน้าหลักของตัวนาฬิกานั้น จะเป็นหน้าปัดนาฬิกาที่เราสามารถเลือกปรับเปลี่ยนหรือปรับแต่งได้ตามต้องการ เพียงทัชค้างลงบนหน้าจอเท่านั้น

 

หากปัดหน้าจอจากขอบด้านบนลงล่าง จะเป็นการเรียกแสดงแถบเครื่องมือ ซึ่งมีให้เลือกใช้งานอีก 4 โหมด

• Do not disturb
• Cinema mode
• Birghtness boots
• Setting

 

เมื่อปัดหน้าจอไปด้านซ้าย จะเข้าสู่หน้าเมนูการใช้งาน ซึ่งจะแสดงรายการแอพพลิเคชั่นต่างๆ ให้เลือกใช้งานตามที่ได้ดาวน์โหลดไว้

หากปัดหน้าจอไปด้านซ้ายอีกครั้ง จะเข้าสู่หน้า Contacts ซึ่งจะแสดงรายชื่อผู้ติดต่อไว้ โดยในส่วนนี้สามารถซิงค์ข้อมูลจากบนสมาร์ทโฟนที่เราเชื่อมต่อไว้ได้

 

และเมื่อปัดหน้าจอไปด้านซ้ายจากหน้า Contacts จะเข้าสู่หน้าเมนูการใช้งานในโหมด Tools ซึ่งมีโหมดการใช้งานให้เลือกใช้อีก 8 โหมดดังนี้

• โหมดตั้งเวลา/จับเวลา
• โหมดตั้งปลุก/แจ้งเตือน
• แสดงเวลาการตั้งปลุก
• แสดงผลการนับก้าวเดิน
• แสดงผลการนับอัตราการเต้นของหัวใจ
• เริ่มนับเวลาการวิ่ง
• เริ่มการจับเวลา
• แสดงปฏิทินและการนัดหมาย

 

ฟังก์ชั่นการใช้งานที่น่าสนใจ (Hilight)

Moto Body

เป็นฟังก์ชั่นด้าน Activity Tracking ซึ่งผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการออกกำลังกายน่าจะถูกใจอย่างแน่นอน โดยภายในเมนูการใช้ของแอพพลิเคชั่นนั้น เราสามารถที่จะเลือกใช้งานโหมดต่างๆ ควบคู่กับการออกกำลังกายของเราได้ตามต้องการ ซึ่งมีโหมดการใช้งานให้เลือกใช้ ดังนี้

• การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate)
• การวัดจำนวนการก้าวเดิน (Step)
• การคำนวณจำนวนการเผาพลาญแคลลอรี่ (Burn)
• การวัดระยะการวิ่ง (Run)
• การวิเคราะห์การออกกำลังกาย (Analysis)

 

Google Maps

น่าจะเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่เชื่อว่า น่าจะตอบโจทย์และถูกใจสำหรับผู้ใช้งานที่รักการผจญภัยหรือการเดินทางบ่อยๆ อย่างแน่นอน สำหรับการรองรับการแสดงผลการนำทางผ่านแอพพลิเคชั่น Google Maps บนหน้าปัดนาฬิกาของ Moto360 Gen2 ซึ่งตัวนาฬิกาจะทำการซิงค์ข้อมูลด้าน GPS จากตัวสมาร์ทโฟนที่เราเชื่อมต่ออยู่ โดยสามารถแสดงผลได้ทั้งในโหมดการใช้งานปกติ และโหมดพักหน้าจอ ที่จะเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลหน้าจอสีมาเป็นขาว-ดำ เพื่อประหยัดพลังงานแทน

 

Together

ฟังก์ชั่นสำหรับการส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังเพื่อนหรือผู้ใช้งานอื่น ที่ใช้งานสมาร์ทวอซท์หรือ Moto360 ในบริเวณใกล้เคียงกับที่เราใช้งานอยู่ ซึ่งเราสามารถค้นหาผู้ใช้งานอื่นได้ทั้งแบบอัตโนมัติและ Manual

 

Moto เริ่มวางจำหน่าย Moto360 Gen2 อย่างเป็นทางการแล้ว ผ่าน TrueShop และร้านค้าชั้นนำ ซึ่งจะวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นได้แก่ รุ่นสำหรับผู้ชายขนาดตัวเรือน 46 มิลลิเมตร ราคา 13,999 บาท และรุ่นสำหรับผู้หญิงขนาดตัวเรือน 42 มิลลิเมตรราคา 12,999 บาท