เป็นอีกหนึ่งรุ่นสำคัญจาก Apple ในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรุ่น iPhone X หรือไอโฟนเท็น เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของ iPhone โดยดีไซน์และการออกแบบของตัวเครื่องจะเป็นเหมือนกับภาพเรนเดอร์ที่เคยหลุดออกมาอย่างมากมาย คือ มีหน้าจอไร้ขอบมาพร้อมกับ Function Area ไร้ปุ่มโฮม, หน้าจอความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซล (458ppi) ซึ่งเป็นความละเอียดมากที่สุดเท่าเคยที่มีมาบนสมาร์ทโฟนของ Apple, กล้องหลังคู่ 12 ล้านพิกเซล มีเทคโนโลยี Dual OIS หรือระบบกันสั่นสะเทือนถึง 2 ตัวในเครื่องเดียว ทั้งยังมีการถ่ายภาพได้ดีในที่แสงน้อย ไฟแฟลช 4 ดวง (Quad LED) และรายละเอียดทั้งหมดเราจะมาอธิบายกันทีละอย่าง ดังนี้

สำหรับ iPhone X จะมาพร้อมกับหน้าจอ Super Retina ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซล (458ppi) ทำให้หน้าจอมีความสวยงามและละเอียดมากที่สุดเท่าที่เคยมี iPhone มา นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีแบบ OLED แบบเฉพาะของ iPhone X ที่ช่วยให้สีสันมีความสดใสและมีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่ 1,000,000 ต่อ 1

ส่วนชิปหน่วยประมวลผลจะมาพร้อมกับ A11 Bionic ขนาด 6 คอร์ 64 บิต แบ่งเป็นคอร์ประหยัดพลังงาน 4 คอร์ที่ทำงานเร็วกว่าชิพ A10 Fusion ถึง 70% และคอร์ประมวลผลการทำงานอีก 2 คอร์นั้นก็เร็วขึ้นสูงสุดถึง 25% ทั้งยังมี GPU แบบ 3 คอร์ที่มีความเร็วกว่าชิพ A10 Fusion ถึง 30%

เทคโนโลยีกล้องของ iPhone X จะมาพร้อมกับกล้องหลังคู่แนวตั้งความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 และ f/2.4 พร้อมด้วยระบบกันสั่นสะเทือนถึง 2 ตัว (Dual OIS) และสามารถซูมดิจิทัลได้สูงสุดถึง 10 เท่าสำหรับรูปภาพ และ 6 เท่าสำหรับการถ่ายวิดีโอ ส่วนกล้องหน้ามาพร้อมกับความละเอียด 7 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยโหมดถ่ายภาพบุคคลที่สามารถเบลอฉากหลังได้อย่างสวยงาม ทั้งยังมีโหมดใหม่ คือ การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล (Portrait Lighting) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สามารถสร้างและปรับเอฟเฟ็กต์การจัดแสงคุณภาพในระดับสูงได้อีกด้วย

iPhone X ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Face ID หรือการยืนยันตัวตนผ่านใบหน้าของผู้ใช้งาน โดยการทำงานนั้นอาศัยกล้อง TrueDepth ที่จะฉายและวิเคราะห์จุดแสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าถึง 30,000 จุด เพื่อสร้างแผนผังโครงสร้างใบหน้าในแนวลึกได้อย่างแม่นยำอีกด้วย รวมไปถึง Animoji หรืออิโมจิแบบ 3 มิติ ที่จะวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่แตกต่างกว่า 50 รูปแบบร่วมกับชิพ A11 Bionic เพื่อจำลองการแสดงทางใบหน้าของผู้ใช้งานได้อย่างสวยงาม

นอกจากนี้ การทำงานทั่วไปยังมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากรุ่นอื่นๆ เริ่มตั้งแต่ การกดแตะหน้าจอเพื่อให้ปรากฏหน้าจอขึ้นมา, เปลี่ยนจากการสไลด์ทางขวาเป็นการสไลด์ขึ้นเพื่อปลดล็อกหน้าจอ และกดปุ่ม power เพื่อใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง "Siri" ทั้งยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่า iPhone 7 ถึง 2 ชั่วโมง

สำหรับ iPhone X จะมาพร้อมกับตัวเครื่อง 2 สี ได้แก่ สีเทาสเปซเกรย์และสีเงิน ความจุ 64GB และ 256GB โดยจะเริ่มเปิดพรีออเดอร์วันที่ 27 ตุลาคม และจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ในราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 999 ดอลลาร์ หรือประมาณ 33,000 บาทไทย
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.apple.com วันที่ : 13 กันยายน 2560
รีวิว iPhone Air สัมผัสใหม่ของ iPhone ที่เบากว่าเดิมแต่ยังทรงพลังไม่แพ้รุ่นโปร
รีวิว iPhone 17 Pro Max พี่ใหญ่ยังตึงเหมือนเดิม ครบเครื่องด้วย A19 Pro กล้องถ่ายรูปอัปเกรดทั้งหน้...
รีวิว iPhone 17 ซื้อรุ่นธรรมดาแต่ได้ฟีล Pro การอัปเกรดที่คุ้มค่าที่สุด
รีวิว iPhone 17 Pro ปรับมาใช้อะลูมิเนียมบอกลาความร้อนสะสม พร้อมชิป A19 Pro ทั้งเร็วทั้งประหยัดพลั...
พรีวิว iPhone 17 Pro Max การกลับมาของอะลูมิเนียม และปรับโฉมโมดูลกล้องเป็นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่
พรีวิว iPhone 17 หน้าจอใหญ่ขึ้น 6.3 นิ้ว แข็งแกร่งกว่าเดิมด้วย Ceramic Shield 2
รุ่นดังราคาดรอป! รวมสมาร์ตโฟนราคาพิเศษ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2025
5 สมาร์ตโฟนเน้นแบตฯ อึด ใช้งานได้ข้ามวัน สำหรับสายเดินทาง ประจำเดือนพฤศจิกายน 2025
moto G57 Power แบตเตอรี่อึด 7,000mAh พร้อมชิปฯ Snapdragon 6s Gen 4 รุ่นแรกของโลก
Redmi 15 Series แบตใหญ่จุใจ 7000mAh หน้าจอ 6.9 นิ้วที่เต็มอิ่ม ราคาเริ่มต้น 4,xxx
realme C85 Series 5G ลุยได้ทุกจังหวะชีวิตด้วยแบต 7000mAh ราคาเริ่มต้น 5,xxx
OPPO A6 Series ทนทานทุกดาเมจ ครอบคลุมทุกการใช้งาน เริ่มต้นเพียง 3,49924 ชั่วโมงที่แล้ว