สมาร์ทโฟน (Smartphone) | วันที่ : 15 เมษายน 2563
OnePlus ยังเดินหน้าผลิตสมาร์ทโฟนให้สมกับฉายา "นักฆ่าเรือธง" เช่นเคย โดยในปี 2020 เป็นคิวของ OnePlus 8 Series ที่มีการเปิดตัวมาถึง 2 รุ่นคือ OnePlus 8 และ OnePlus 8 Pro ซึ่งทั้งคู่มีการอัปเกรดในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านดีไซน์, กล้องหลังอัดมาให้ถึง 4 เลนส์ (ในรุ่น Pro) และยังเพิ่มความเทพของหน้าจอด้วยอัตรา Refresh Rate ที่มากขึ้นถึง 120Hz (ในรุ่น Pro) พร้อมฟีเจอร์ MEMC ที่เพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลขณะเปิดวิดีโอ หรือขณะเล่นเกม

เริ่มกันที่หน้าจอแสดงผล โดย OnePlus 8 Pro ยังคงใช้หน้าจอโค้งแบบ Fluid AMOLED กว้าง 6.78 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (3168x1440 พิกเซล) อัตรา Refresh Rate สูงสุดที่ 120Hz มีอัตราการตอบสนองการสัมผัสกับหน้าจอถึง 240Hz (Touch Sampling Rate) และเคลือบด้วยกระจก Gorilla Glass ที่สำคัญมีการปรับดีไซน์รอยแหว่งหน้าจอเป็นแบบจอเจาะรู และยังได้รับการการันตีจาก DisplayMate ว่าเป็นหน้าจอระดับ A+ อีกด้วย

รายละเอียดอื่นๆ ของหน้าจอ จะสามารถปรับแสงได้สูงสุดถึง 1,300 nits รองรับคอนเทนด์แบบ HDR10 และ HDR10+ ทั้งนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยี MEMC (Motion Estimation, Motion Compensation) ที่จะค่อยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความลื่นหรือ เพิ่ม fps ในขณะรับชมวิดีโอ หรือขณะเล่นเกม

OnePlus 8 Pro จะถูกขับเคลื่อนด้วย Snapdragon 865 ใช้ RAM แบบ LPDDR5 ซึ่งมีความเร็วกว่าเดิมถึง 30% และใช้พลังงานน้อยลงกว่า 20% ส่วน ROM จะเป็นแบบ UFS 3.0 ระบบปฏิบัติการ Android 10 ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นที่มาตรฐาน IP68 ในขณะที่แบตเตอรี่มีขนาด 4,510mAh รองรับการชาร์จเร็ว 30W (Warp Charge 30T) และยังรองรับการชาร์จไร้สายแบบ 30W ด้วยเช่นกัน
การเชื่อมต่อ OnePlus 8 Pro จะรองรับสัญญาณ 5G จากโมเดม X55 ส่วน Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi 6 ทั้ง 2.4 / 5 GHz โดยสามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ที่ 9.6Gbps เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสนับสนุน Bluetooth 5.1 และพอร์ตการเชื่อมต่อจะเป็นพอร์ต USB Type-C 3.1

ในส่วนกล้องถ่ายรูป เป็นอีกส่วนที่ OnePlus 8 Pro ค่อนข้างจัดเต็มทีเดียว โดยมาพร้อมกล้องหลังถึง 4 เลนส์ ความละเอียด 48MP ทั้งเลนส์หลัก และ UltraWide มีเลนส์ Telephoto 8MP กับ Color Filter Camera 5MP โดยใช้เซนเซอร์ Sony IMX689ขนาด 1/1.4 นิ้ว และมีระบบ Autofocus ในทุกๆ พิกเซล ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471

ในส่วนฟีเจอร์การใช้งานกล้อง ในเลนส์มุมกว้างถือว่าน่าสนใจทีเดียว เพราะมีความละเอียดสูงถึง 48MP และให้มุมกว้างถึง 120 องศา สามารถถ่ายมุมใกล้สุดถึง 3 เซนติเมตร พลังในการซูมสามารถซูมแบบ Optical ได้ 3 เท่า และซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุดถึง 30 เท่า ส่วนเลนส์ Color Filter ที่เพิ่มเข้ามาจะช่วยในเรื่องของฟิลเตอร์ที่สวยสมจริง นอกจากนี้กล้องหลังยังสามารถบันถึงวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่ 60fps มีระบบกันสั่นทั้ง OIS และ EIS ส่วนกล้องหน้าสามารถบันทึกวิดีโอได้ 1080p ที่ 30fps

สเปคของ OnePlus 8 Pro

OnePlus 8 Pro จะมีให้เลือก 3 สีคือ Ultramarine Blue, Glacial Green และ Onyx Black ส่วนตัวเลือกจะมี 2 แบบคือ RAM 8GB + ROM 128GB สนราคาอยู่ที่ 799 ยูโร (ประมาณ 28,500 บาท) และ RAM 12GB + 256GB ราคา 899 ยูโร (ประมาณ 32,000 บาท) โดยจะเริ่้มพรีออเดอร์ที่อเมริกาเหนือวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 และในยุโรปวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2563 ส่วนในประเทศไทยต้องรอติดตามกันต่อไป

มาต่อกันที่รุ่นเล็ก OnePlus 8 โดยมาพร้อมหน้าจอโค้งแบบ Fluid AMOLED กว้าง 6.55 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400x1080 พิกเซล) มีดีไซน์หน้าจอแบบจอเจาะรู รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และเคลือบด้วยกระจก Gorilla Glass ในส่วนอัตรา Refresh Rate จะลดลงมาเหลือเพียง 90Hz ปรับความสว่างได้สูงสุด 1,100nits และรองรับคอนเทนด์ HDR10 และ HDR10+

ยังคงใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 868 พร้อมโมเดม X55 เพื่อรองรับสัญญสาณ 5G แต่ใช้ RAM แบบ LPDDR4X ทำให้มีความเร็วช้าลงมาหน่อย ส่วน ROM แบบ UFS 3.0 ระบบปฏิบัติการ Android 10 รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.1 ส่วนแบตเตอรี่มาพร้อมขนาด 4,300mAh รองรับการชาร์จเร็ว 30W ผ่านพอร์ต USB Type-C 3.1 (Gen 1) แต่ไม่รองรับการชาร์จไร้สาย


กล้องหลังของ OnePlus 8 จะไม่เหมือนตัว Pro โดยมีกล้องหลังเพียง 3 เลนส์เท่านั้น พร้อมไฟแฟลช Dual LED ประกอบไปด้วยเลนส์หลัก 48MP (OIS+EIS), เลนส์ Ultra Wide 16MP เพิ่มความกว้าง 116 องศา และ Macro 2MP ถ่ายระยะใกล้ได้ 3 เซนติเมตร ส่วนการซูมสามารถซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า ทั้งนี้ยังรองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60fps ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

สเปคของ OnePlus 8

OnePlus 8 จะมีให้เลือก 3 สีคือ Interstellar Glow, Glacial Green (ผิวด้าน), และ Onxy Black มีตัวเลือก 2 แบบคือ 8GB+128GB ราคา 599 ยูโร (ประมาณ 21,400 บาท) และ 12GB+256GB สนราคา 699 ยูโร (ประมาณ 25,000 บาท) เริ่มพรีออเดอร์ 24 เมษายน พ.ศ. 2563 ส่วนในประเทศไทยน่าจะมีการเปิดตัวเร็วๆ นี้พร้อมกับรุ่น Pro
แหล่งที่มา : gsmarena, Gizmochina, OnePlus
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 15 เมษายน 2563
Samsung Galaxy A07 5G โผล่ทดสอบ Geekbench! ใช้ชิปเซ็ต Dimensity 6300 พร้อมรัน Android 16 ตั้งแต่แ...
OnePlus 15R และ OnePlus Pad Go 2 ประกาศวันเปิดตัว พร้อมบอกสเปคบ้างส่วนบนหน้าเว็บไซต์
OnePlus Ace 6T ประเดิมชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 5 แบตเตอรี่ใหญ่มาก 8300mAh
OnePlus Ace 6T เคาะวันเปิดตัว! ประเดิมชิปฯ Snapdragon 8 Gen 5 รุ่นแรกของโลก
OPPO Reno 15c สมาร์ตโฟนชิปเซ็ต Snapdragon 7 Gen 4 กล้องหลัง 3 ตัว Sony LYT-600
Xiaomi 17 Ultra รุ่น Global โผล่ฐานข้อมูล FCC! ยืนยันมาแน่ พร้อม HyperOS 3 และกล้อง Periscope 200MP
HUAWEI FreeBuds Pro 5 หูฟังไร้สาย TWS มาพร้อมชิป Kirin A3 รับรองเสียง Lossless สตีมมิ่ง 4.6Mbps
iQOO 15 ส่งความแรงถึงไทย สมาร์ตโฟนชิปกราฟฟิกแยก Q3 ประสบการณ์ภาพแบบคอนโซล
OnePlus 15R และ OnePlus Pad Go 2 ประกาศวันเปิดตัว พร้อมบอกสเปคบ้างส่วนบนหน้าเว็บไซต์
Nothing Phone (3a) Lite เริ่มวางขายในไทย ชิปเซ็ต Dimensity 7300 Pro หน้าจอ AMOLED รีเฟรช 120Hz
HUAWEI FreeClip 2 หูฟังไร้สาย Clip-On เสียงดีขึ้น เบาขึ้น และคุยสายได้เนียนขึ้น
iQOO 15 ท้าสัมผัสพลังเรือธง ที่เกิดมาเพื่อเหล่า MVPs 3 ธ.ค. นี้