Nimo Smart Glasses แว่นตาอัจฉริยะ สำหรับพิมพ์งานโดยเฉพาะ ไม่ต้องพกแล็ปท็อป

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าแว่นตาอัจฉริยะจะเป็นอุปกรณ์สำคัญในอนาคตอย่างแน่นอน นอกจากเป็นแค่แว่นสายตาแล้ว ยังสามารถทำอะไรๆ ได้อีกหลายอย่าง เฉกเช่นในปัจจุบันก็มีการพัฒนาให้มีความหลากหลาย ตั้งแต่ เป็นแว่นตาที่ถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอได้ หรือแว่นตาใช้เพื่อการมองเห็นโลกของ AR รวมถึงการใช้เป็นการซูมภาพ กรณีที่เราต้องเห็นหลายๆ มิติของภาพ อีกทั้งยังมีลำโพงให้ความเพลิดเพลินในทุกไลฟ์สไตล์เราอีกด้วย

ทว่า Nimo Planet บริษัทสัญชาติอินเดียที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ได้พัฒนาต้นแบบแว่นตาอัจฉริยะที่เรียกว่า Nimo Smart Glasses ชูจุดเด่นแว่นตารุ่นนี้ทำหน้าที่เหมือนหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ให้คุณทำงานเอกสารได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างสะดวก แค่คุณเชื่อมต่อคีย์บอร์ดกับเม้าส์ไร้สายก็พิมพ์งานได้แล้ว

ก่อนอื่นต้องเกริ่นว่า แว่นตา Nimo Smart Glasses ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความบันเทิงแต่อย่างใด เน้นใช้งานด้านเอกสารเท่านั้น อารมณ์คล้ายกับแล็ปท็อป แต่คุณไม่ต้องพกเครื่อง แค่พกแว่นติดตัว กับอุปกรณ์คีย์บอร์ดและเม้าส์เท่านั้น ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ในปัจจุบันก็เล็กมากๆ นั่นหมายความว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วก็ยังมีน้ำหนักเบากว่าแล็ปท็อปอยู่ดี

แว่นตา Nimo Smart Glasses ยังคงเป็นตัวต้นแบบ ซึ่งมีน้ำหนัก 120 กรัม ยังเบากว่าแว่นตา Lenovo ThinkReality A3 อยู่ 10 กรัม แต่ประเด็นที่น่าสนใจ คือ หัวหน้าทีมนักพัฒนาระบุว่าต้องการให้แว่นตาฉบับสมบูรณ์มีน้ำหนักแค่เพียง 30 กรัมเท่านั้น เปรียบเสมือนแว่นตาจริงๆ เลย

หน่วยประมวลผลจะใช้ชิปเซ็ต Qualcomm's Snapdragon XR1 สามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นจาก Microsoft ได้อย่างไหลลื่น อีกทั้งรันด้วยแพลตฟอร์ม Nimo OS ซึ่งในอนาคตเขาวางแผนว่าจะเชิญชวนเหล่านักพัฒนามาต่อยอดด้วย

มาต่อกันด้วยประเด็นที่หลายคนสงสัยว่า การพิมพ์งาน เมื่อเรามองด้วยแว่นตา มันจะชัดเหรอ ทำงานลำบากหรือเปล่า ไม่เลยเพราะ แว่นตา Nimo Smart Glasses เมื่อสวมใส่แล้ว คุณจะเห็นหน้าจอที่กว้างประมาณ 50 นิ้ว ความละเอียด 720p ทั้งสองเลนส์ของแว่นตา แบบที่ไม่เหลื่อมล้ำกันเลย ทั้งเลนส์แว่นใช้งานแยกกันได้ เช่น ฝั่งซ้ายอยู่หน้าเอกสาร แต่ฝั่งขวาเป็นปฏิทิน เป็นต้น สลับแอปพลิเคชั่นไปมาได้สูงสุด 6 แอปฯ รวม Widgets ด้วย

แว่นตา Nimo Smart Glasses จะใช้งานได้นานประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ต USB Type-C อย่างไรก็ตามแว่นตาดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา เบื้องต้นคาดว่าจะวางจำหน่ายประมาณช่วงต้นปี 2023 ราคาอยู่ที่ $799 หรือ 27,0xx บาท

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  Redmi Note 15 Pro และ 15 Pro+ เพิ่มประสิทธิภาพด้วยชิปเซ็ตใหม่ แบตเตอรี่จุใจ 7000mAh
• 
  8 แหล่งสินเชื่อเงินกู้ วงเงินสูง พร้อมใช้ ไม่ใช่นอกระบบ

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่