การกลับมาของ POCO ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การอัปเกรดสเปคตามรอบปี แต่เป็นการประกาศศักดาในฐานะ UltraPower Ascended (ขีดสุดแห่งพลังที่ทะยานขึ้นไปอีกขั้น) ที่ยกระดับมาตรฐานของสมาร์ตโฟนประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอีกขั้น POCO F8 Pro ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดไว้อย่างชัดเจนเพื่อท้าชนกับเรือธงราคาแพงในตลาด ด้วยการนำเสนอชิปเซ็ตระดับท็อปสุดอย่าง Snapdragon 8 Elite ในราคาที่จับต้องได้มากกว่า นี่คือสมาร์ตโฟนที่เกิดมาเพื่อคอเกมตัวจริงและผู้ใช้งานระดับโปรที่โหยหาความแรงดิบเถื่อน แต่ก็ไม่ละทิ้งความสุนทรีย์ด้วยระบบเสียงที่ได้รับการปรับจูนจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Bose ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตระกูล F ดูพรีเมียมขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
Lazada: https://c.lazada.co.th/t/c.XPyNGw
หัวใจหลักที่ขับเคลื่อนความแรงของ POCO F8 Pro รุ่นนี้คือ Snapdragon 8 Elite Mobile Platform ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 3 นาโนเมตร ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดในขณะนี้ โครงสร้างหน่วยประมวลผลกลางแบบ 8 แกนอันเปี่ยมประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 2 แกนหลักความเร็วสูงสุด 4.32GHz และ 6 แกนประสิทธิภาพความเร็วสูงสุด 3.53GHz ทำงานร่วมกับชิปกราฟิก Adreno และหน่วยความจำ RAM LPDDR5X ที่มีความเร็วสูงถึง 9600Mbps มอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลระดับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

ยิ่งไปกว่านั้น POCO ยังใส่เทคโนโลยีระบายความร้อน LiquidCool Technology with 3D Triple-layer IceLoop System (เทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบไอซ์ลูป 3 ชั้น) เพื่อจัดการกับความร้อนสะสมจากการใช้งานหนัก ช่วยให้เฟรมเรทขณะเล่นเกมนิ่งเสถียรผ่านฟีเจอร์ WildBoost Optimization ที่เน้นแก้ปัญหาเฟรมเรทตกวูบให้เหลือน้อยที่สุด

สิ่งที่ยกระดับความพรีเมียมอย่างแท้จริงคือการใส่เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบอัลตราโซนิก ที่ปกติจะพบได้เฉพาะในเรือธงราคาแพง ช่วยให้การปลดล็อกทำได้รวดเร็วและแม่นยำแม้ในขณะนิ้วเปียก นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรม Xiaomi Astral Communication ที่ทำงานร่วมกับชิปฯ Surge T1+ Tuner ช่วยขยายสัญญาณ Wi-Fi, Bluetooth และสัญญาณโทรศัพท์ให้เสถียรขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงฟีเจอร์ล้ำๆ อย่าง Xiaomi Offline Communication ที่ช่วยให้สื่อสารด้วยเสียงได้ไกลถึง 1 กิโลเมตรแม้ไม่มีสัญญาณเครือข่าย

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือระบบเสียง Sound by Bose ที่ POCO ร่วมมือกับวิศวกรเสียงจาก Bose ในการปรับจูนลำโพงคู่แบบสมมาตร Symmetric 1115F ให้มิติเสียงที่โอบล้อมและสมดุล ไม่ว่าจะเป็นโหมด Dynamic ที่ให้เบสหนักแน่น หรือ Balanced ที่เน้นเสียงร้องคมชัด รองรับทั้งเสียงความละเอียดสูงและระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos เต็มรูปแบบ


จากการสัมผัสตัวเครื่องจริง POCO F8 Pro สิ่งแรกที่สะดุดตาคือดีไซน์ฝาหลังที่ดูพรีเมียมและแปลกตา การใช้เทคนิคกระจกชิ้นเดียวขึ้นรูปทำให้ฝาหลังดูเป็นชิ้นเดียวกันอย่างไร้รอยต่อ พื้นผิวมีผิวสัมผัสแบบด้านให้ความรู้สึกละมุนมือ ช่วยลดรอยนิ้วมือได้ดี ตัดกับบริเวณโมดูลกล้องด้านบนที่มีความเงางาม สร้างมิติความตัดกันที่สวยงามลงตัว บริเวณโมดูลกล้องมีการสกรีนโลโก้ SOUND BY BOSE ไว้อย่างภาคภูมิใจ โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Titanium Silver, Blue และ Black

เมื่อพิจารณาด้านข้าง ตัวเฟรมเป็นโลหะขอบกึ่งโค้งที่มีความโค้งมนเล็กน้อยช่วยให้การจับถือเข้ามือ



ซึ่งการออกแบบนี้ยืนยันได้ถึงระบบเสียงสเตอริโอที่สมมาตรจริงๆ หน้าจอแสดงผลด้านหน้าเป็นแบบเจาะรูฝังกล้องตรงกลาง ขอบจอบางเฉียบสม่ำเสมอรอบด้าน มอบประสบการณ์การมองเห็นที่เต็มตา

สเปคเบื้องต้นของ POCO F8 Pro


ในด้านประสิทธิภาพ เมื่อดูจากสเปค Snapdragon 8 Elite ผสานกับคะแนน AnTuTu Benchmark ที่สูงทะลุ 3,284,129 คะแนน บ่งบอกได้ชัดเจนว่า POCO F8 Pro คือสัตว์ร้ายในคราบสมาร์ตโฟน การใช้งานทั่วไปบน Xiaomi HyperOS 3 จะมีความลื่นไหลติดนิ้วอย่างแน่นอน มาพร้อมลูกเล่นใหม่อย่าง Xiaomi HyperIsland ที่เปลี่ยนพื้นที่รอบกล้องหน้าให้กลายเป็นศูนย์แจ้งเตือนแบบตอบโต้ได้ และการผสานพลังปัญญาประดิษฐ์อย่าง Gemini (ขับเคลื่อนโดย Google) และ AI Writing เข้ามาในระบบ ช่วยให้การทำงานและค้นหาข้อมูลฉลาดล้ำกว่าเดิม

หน้าจอ HyperRGB AMOLED ให้สีสันที่สดใสและสู้แสงได้ดีเยี่ยมด้วยความสว่างสูงสุด 3500nits ในขณะเดียวกันก็สามารถหรี่แสงลงต่ำสุดได้ถึง 1nit สำหรับการใช้งานในที่มืด พร้อมเทคโนโลยีหรี่แสง All-day DC Dimming ช่วยถนอมสายตา และยังมีการจัดการพลังงานที่ดีเยี่ยมโดยกินไฟน้อยลง 22.3% นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นกล้องอย่าง Film Filter (Negative/Positive) สำหรับสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนวอาร์ตที่ไม่เหมือนใคร

POCO F8 Pro คือบทสรุปของความคุ้มค่าสำหรับผู้ที่มองหาประสิทธิภาพสูงสุดในงบประมาณที่สมเหตุสมผล มันคือการรวมร่างของเครื่องเล่นเกมพกพา โรงภาพยนตร์ส่วนตัว และกล้องถ่ายรูปคุณภาพสูงไว้ในเครื่องเดียว ด้วยชิปเซ็ตระดับท็อป แบตเตอรี่อึดระดับปีศาจ และระบบเสียงจาก Bose รุ่นนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเกมเมอร์, นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ และผู้ใช้งานหนักที่ต้องการสมาร์ตโฟนที่ตอบสนองได้ทันใจทุกคำสั่ง หากคุณไม่ยึดติดกับแบรนด์หรู แต่เน้น "เนื้อๆ เน้นๆ" ที่สเปคภายใน นี่คือตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในชั่วโมงนี้
ราคาและการวางจำหน่าย
โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะวันที่ 28 พ.ย. 68 - 18 ธ.ค. 68 นี้เท่านั้น
สิทธิพิเศษเพิ่มเติม
สามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ทางการและช่องทางออนไลน์ที่ร่วมรายการ

จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท