แชร์

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

สมาร์ทโฟน Windows Phone 8 เรือธงของ Nokia ตัวล่าสุด Nokia Lumia 920 ไม่เพียงนำเทคโนโลยี PureView มาใช้ในการถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอ แต่ยังได้นำเทคโนโลยีการแสดงผลบนหน้าจอแบบ "PureMotion technology" ซึ่งมันจะช่วยเหลือผู้ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมาก บทความนี้จึงขอกล่าวถึงเทคโนโลยี PureMotion เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจรายละ้เอียดได้มากขึ้น

ย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้านี้

ในห้องปฏิบัติการ PureMotion technology คือการนำเอาเทคโนโลยีหลายๆ อย่างมาใช้พัฒนาหน้าจอแสดงผลของมือถือ แต่แกนหลักคือมุ่งเน้นให้มีการตอบสนอง (response time) อย่างรวดเร็วผ่านหน้าจอ LCD หากกล่าวเฉพาะเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลแล้ว คำว่า response time ใช้เรียกช่วงเวลาที่ใช้เปลี่ยนสีของจุดพิกเซลบนหน้าจอจากสีดำเป็นสีขาวและกลับเป็นสีดำอีกครั้ง ซึ่งหากช่วงเวลานี้มีค่าน้อยมากๆ หมายถึงจอแสดงผลนั้นมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างคอนเซปต์การเปลี่ยนแปลงสีของจุดพิกเซลบนหน้าจอ LCD

ซึ่งต้องใช้เวลาตั้งแต่เริ่มเปลี่ยนสีจนครบรอบ (response time)

แต่การจะทำให้ response time ลดลงนั้นไม่ใช่ง่ายๆ

หน้าจอแสดงผลในอุดมคตินั้นจะมีค่า response time ที่ 0ms แต่ในทางปฏิบัติแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้ หน้าจอแสดงผลในปัจจุบันจะมีค่า refresh rate อยู่ที่ 60Hz ซึ่งจะรีเฟรชข้อมูลบนหน้าจอ 60 ครั้ง/วินาที (1 วินาที มี 1000 มิลลิวินาที ดังนั้นที่ 60Hz จะมีค่า response time ของแต่ละรอบอยู่ที่ 1000/60 = 16.77ms) และถ้าหากจอแสดงผลเกิดการล้มเหลวในการสลับค่าจุดพิกเซลในช่วงเวลานั้น สิ่งที่ผู้ใช้จะพบก็คือเกิดภาพเบลอโผล่ขึ้นมาบนหน้าจอ

ตัวอย่างการเกิดภาพเบลอ เนื่องจาก response time ใช้เวลานาน

ต้องขอกล่าวตรงนี้ก่อนว่า ในความเป็นจริง มักใช้เวลาในการแสดงผลภาพในแต่ละรอบมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะต้องมีช่วงเวลาในการประมวลผลข้อมูลภาพก่อนที่จะถูกส่งไปยังหน้าจอ ดังนั้นการที่หน้าจอแสดงผลมีค่า response time ที่ 16.77ms ในทางปฏิบัติมันจะบวกเพิ่มเวลาสำหรับการเขียนในหนึ่งเฟรมเข้าไปอีก ซึ่งทั้งหมดนี้คือสาเหตุของการเกิดอาการเบลอเมื่อต้องบันทึกหรือแสดงผลภาพเคลื่อนไหว (motion blur)

เทคโนโลยี PureMotion HD+ ที่ลด response time เหลือเพียง 9ms ทำให้ไม่เกิดอาการภาพเบลอ

response time หรือเวลาตอบสนองจะต้องมีค่าน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งน้อยกว่า 10ms ก็ยิ่งดี ทั้งหมดที่กล่าวมาคือ ที่มาของ PureMotion ที่ทาง Nokia ใช้วิธี "ชดเชยค่า response time (Response Time Compensation)" หรือการ "กระตุ้นให้มีการจองทรัพยากรและพลังงานขึ้นชั่วคราว (overdrive process)" เพื่อให้หน้าจอแสดงผลสามารถเปลี่ยนแปลงสถานะของจุดพิกเซลได้เร็วกว่าปกติ วิธีการนี้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายใน HDTV และการผลิตแผงจอมอนิเตอร์ และอาจเป็นครั้งแรกบนมือถือซึ่ง Nokia ได้สร้างให้ response time ของหน้าจอมือถือลดเหลือเพียง 9ms

การจำลองเทคนิค overdrive ซึ่งจะลดเวลา response time ลง

ผลที่ได้คือการเปลี่ยนแปลงจุดพิกเซลเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตามหน้าจอแสดงผลที่มีค่า framerates สูงๆ ก็ยังคงมีโอกาสเกิดภาพเบลอ ซึ่งมักพบบ่อยในการเล่นเกม 3D ที่เคลื่อนไหวเร็วมากๆ

แสงสว่างจากดวงอาทิตย์

อีกแง่มุมหนึ่งที่น่าสนใจของ PureMotion display บน Nokia Lumia 920 ก็คือความสวยงามในสภาวะที่ต้องเผชิญแสงแดด ทาง Nokia แนะนำ ClearBlack display เทคโนโลยีการตัดแสงสะท้อนบนหน้าจอไปเมื่อสองปีที่ผ่านมา ซึ่งใช้การกรอง (polarize) แสงสะท้อนและทำให้การแสดงผลนั้นง่ายต่อการรับชมภายใต้แสงสว่าง เทคโนโลยี ClearBlack ได้รับการชื่นชมและใน Nokia Lumia 920 เทคโนโลยีดังกล่าวก็ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

ภาพบน : รายละเอียดบนภาพเมื่อนำมาแสดงผลผ่านหน้าจอของ Nokia Lumia 920

ภาพล่าง : แสดงรายละเอียดบนภาพที่หายไปเมื่อเปิดผ่านหน้าจอ Nokia Lumia รุ่นเก่า

คุณลักษณะใหม่ของ Nokia Lumia 920 คือการใช้ซอฟต์แวร์อัลกอริทึมร่วมกับเซ็นเซอร์แสง (ambient light) เพื่อคำนวณหาปริมาณของแสงที่ตกบนหน้าจอแสดงผลโดยอัตโนมัติ และช่วยเพิ่มความสว่างและความคมชัดให้กับหน้าจอ LCD ซึ่งจะทำให้การแสดงผลชัดเจนแม้อยู่ในที่ๆ มีแสงสว่างจ้า

เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับจุกพิกเซล

หน้าจอแสดงผลของ Nokia Lumia 920 มีความละเอียดแบบใหม่ที่ทาง Nokia แนะนำในชื่อของ HD+ (1280x768 พิกเซล) อัตราส่วน 15:9 ซึ่งเมื่อนำมาเทียบในแนวตั้งที่ขนาดความสูงเท่ากัน แบบ HD+ จะมีการแสดงผลสั้นและกว้างกว่า โดย Nokia ให้เหตุผลที่เลือกความละเอียดแบบ HD+ มาใช้เนื่องจากเห็นว่ามันจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลื่อนนิ้วมือไปด้านบนเพื่อดูรายละเอียดได้ง่ายขึ้นและเหมาะแก่การท่องเว็บหรือเล่นเกม

ภาพเต็ม : เทียบขนาดตัวอย่างความละเอียด WXGA 1280x768 พิกเซล (16:9) 

เส้นประสีขาว : แสดงขนาดตัวอย่างความละเอียด HD+ 1280x720 พิกเซล (15:9)

เส้นประสีเหลือง : แสดงขนาดตัวอย่างความละเอียด DVGA 960 x 640 พิกเซล

เทคโนโลยีการสัมผัสหน้าจอ

Nokia ใช้เทคโนโลยีการตรวจจับระบบสัมผัสบนหน้าจอ ClearPad capacitive ที่เรียกว่า "Super Sensitive Touch" ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานหน้าจอสัมผัสได้แม้ขณะใส่ถุงมือ หรือมีเล็บมือบดบัง แม้กระทั่งวัตถุ เช่น ปากกา หรือกุญแจ ก็นำมาใช้งานผ่านหน้าจอสัมผัสได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดรอย เพราะตัวหน้าจอทำจากกระจก Gorilla Glass ที่มีคุณสมบัติกันรอยขีดข่วน

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นซับซ้อนและถูกซ่อนอยู่ภายใต้ "PureMotion" ของ Nokia Lumia 920

อย่าลืมติดตามบทความ เปรียบเทียบเทคโนโลยี PureView ใน Nokia 808 Pureview vs Nokia Lumia 920 ...เร็วๆ นี้ครับ

ดูบทความ ทำความรู้จักกับเทคโนโลยี PureView Pro ในกล้อง Nokia 808 PureView ย้อนหลังได้ ที่นี่

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

ไฮไลท์ข่าวเด่น

อ่าน

แบ่งปันบทความ

มือถือออกใหม่